ขาขึ้นชัด! ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกพุ่งเฉียด 94 ดอลลาร์ สูงสุดในรอบ 10 เดือน

122
0
Share:
ขาขึ้นชัด! ราคา น้ำมันดิบ ตลาดโลกพุ่งเฉียด 94 ดอลลาร์ สูงสุดในรอบ 10 เดือน

ตลาดซื้อขายน้ำมันดิบนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2023 ตามเวลาในสหรัฐอเมริกา พบว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 90.77 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +1.64 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +1.85% ส่งผลราคาน้ำมันดิบปิดเพิ่มขึ้น 2 วันติดต่อกันรวม +2.25 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาปิดสูงสุดในรอบ 10 เดือน หรือตั้งแต่พฤศจิกายนปี 2022

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ สหรัฐอเมริกา พุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 93.93 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +0.23 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +0.3% ส่งผลราคาน้ำมันดิบปิดเพิ่มขึ้น 2 วันติดต่อกันรวม +2.05 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบปิดสูงสุดในรอบ 9 เดือน 3 สัปดาห์ หรือตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายน 2022 เป็นต้นมา

ในปี 2022 ผ่านไปราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

ในสัปดาห์นี้ ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกทั้ง 2 แห่ง ปิดเพิ่มขึ้น +4%

สาเหตุจากปริมาณสำรองน้ำมันดิบรายสัปดาห์ในสหรัฐอเมริกากลับเพิ่มสูงขึ้นถึง 4 ล้านบาร์เรล ซึ่งตลาดคาดว่าจะลดลงราว 1.9 ล้านบาร์เรล ขณะที่เมื่อวานนี้กลุ่มโอเปกพลัสเปิดเผยรายงานสถานการณ์น้ำมันดิบประจำเดือน พบว่า ประเมินความต้องการบริโภคน้ำมันดิบทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นอีกวันละ 2.24 ล้านบาร์เรลในปีนี้ ในขณะที่ประเมินปีหน้า 2024 ทั้งความต้องการบริโภคจะเพิ่มขึ้น 2.25 ล้านบาร์เรล และปริมานการผลิตน้ำมันดิบทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากประเมินสัญญาณฟื้นตัวของประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่

สอดรับกับสำนักงานข้อมูลพลังงาน สหรัฐอเมริกา หรืออีไอเอ เปิดเผยว่า ในปีนี้ 2023,ปริมาณน้ำมันดิบที่ผลิตได้ทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 101.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน และในปีหน้า 2024 จะเพิ่มขึ้นเป็น 102.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน ท่ามกลางความต้องการบริโภคน้ำมันดิบทั่วโลกในปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 101 ล้านบาร์เรลต่อวัน และในปีหน้า 2024 จะเพิ่มขึ้นเป็น 102.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในอดีตผ่านมา ทั่วโลกทำสถิติเป็นประวัติการณ์ทั้งปริมาณการผลิตน้ำมันดิบ และการบริโภคน้ำมันดิบ โดยในปี 2018 มีปริมาณการผลิตน้ำมันดิบทั่วโลกที่วันละ 100.5 ล้านบาร์เรล ส่วนในปี 2019 มีความต้องการการบริโภคน้ำมันดิบอยู่ที่ วันละ 100.8 ล้านบาร์เรล

อีไอเอ ยังคาดการณ์ต่อไปว่า สต็อกน้ำมันดิบทั่วโลกจะลดลงถึงเกือบ 500,000 บาร์เรลต่อวันในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ส่งผลให้ประเมินราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ จะมีราคาเฉลี่ยในไตรมาสที่ 4 ปีนี้ สูงถึง 93 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

สำหรับสหรัฐอเมริกา อีไอเอ คาดการณ์ว่าในปีนี้ 2023 ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบจะเพิ่มสูงขึ้นเป็นวันละ 12.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน และในปีหน้า 2024 เพิ่มมากขึ้นเป็นวันละ 13.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในอดีตผ่านมา เมื่อปี 2019 สหรัฐอเมริกาผลิตน้ำมันดิบมากถึงวันละ 12.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สอดคล้องกับการบริโภคน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 20.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน และเพิ่มขึ้นเป็นวันละ 20.3 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีนี้และปีหน้าตามลำดับ ในอดีตผ่านมา เมื่อปี 2005 สหรัฐอเมริกาบริโภคน้ำมันดิบมากถึงวันละ 20.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์

นอกจากนี้ นักลงทุนให้น้ำหนักปัจจัยซาอุดีอาระเบียประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบต่อเนื่อง โดยลดผลิตลงวันละ 1 ล้านบาร์เรลอีก 3 เดือน มีผลตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงธันวาคม 2023 สอดคลัองกับรัฐบาลประเทศรัสเซียประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบต่อเนื่อง โดยลดผลิตลงวันละ 300,000 บาร์เรลอีก 3 เดือน มีผลตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงธันวาคม 2023 เช่นเดียวกัน ส่งผลให้ปริมาณน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกพลัสจะลดลงถึงวันละ 1.3 ล้านบาร์เรลนับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2023

การประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบของซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบมากที่สุดในโลก และรัสเซียซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบนอกกลุ่มโอเปกที่มากที่สุดในโลก รวมกันวันละ 1.3 ล้านบาร์เรลต่อไปอีก 3 เดือน กลายเป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายของตลาดพลังงานโลก เนื่องจากเดิมคาดการณ์ว่าทั้ง 2 ประเทศจะลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบถึงเดือนตุลาคมเท่านั้น