ขึ้นก๊าซหุงต้มอีก 15 บาทไม่กระทบเมนูหูฉลาม ชี้ไม่หนักเท่าขึ้นราคาวัตถุดิบอาหาร

756
0
Share:

นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย กล่าวว่า เข้าสู่เดือนที่ 2 ของการปรับราคาก๊าซหุงต้ม หรือแอลพีจี กิโลกรัมละ 1 บาท หรือราคา 15 บาทต่อถังเล็ก หรือถังใหญ่อยู่ที่ 48 บาท ส่วนราคาใหม่ที่พึ่งเพิ่มขึ้น มองว่าไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจร้านอาหารมากนัก โดยเฉพาะการขยับราคาอาหาร หากเป็นเมนูแพง เช่น หูฉลามราคา 500 บาทต่อชาม หากขึ้นเพียงเล็กน้อยไม่มีผลต่อผู้บริโภค แต่ยอมรับว่าจะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการร้านอาหารรายย่อย

นายกสมาคมภัตตาคารไทย กล่าวว่า ราคาก๊าซหุงต้มขึ้น หากเป็นผู้ประกอบการร้านอาหารรายใหญ่ อาจมีภารต้นทุนขึ้นราว 20 บาทต่อวัน หรือก๊าซฯ หนึ่งถังใช้ได้ 2-3 วัน หากจะส่งผลต่อการปรับราคา ถ้าเมนูอาหารราคาแพงอาจขยับไม่มาก ส่วนร้านรายเล็ก เมนูย่อยปรับขึ้นจะมีผลต่อผู้บริโภค โดยภาพรวมราคาวัตถุดิบขึ้นแรงกว่าราคาก๊าซฯ มาก และมีผลกระทบต่อผู้ประกอบการค่อนข้างหนัก

ปัจจัยสำคัญกระทบธุรกิจอาหารในขณะนี้ คือต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นมาก เช่น เนื้อหมู ส่วนสะโพก จากซื้อขายราว 130-140 บาทต่อกิโลกรัม พุ่งเป็นเกือบเท่าตัวกว่า 220 บาทต่อกิโลกรัม ปลายเดือนพฤษภาคม ราคาสะโพกไก่อยู่ที่ 65 บาทต่อกิโลกรัม ล่าสุดสูงกว่า 100 บาทต่อกิโลกรัม หากเป็นผลิตภัณฑ์แบรนด์ดัง ราคาจะวิ่งสูงยิ่งขึ้น

เนื่องจากผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหารเผชิญต้นทุนวัตถุดิบแพงตั้งแต่ต้นปี ทำให้ที่ผ่านมา หลายรายมีการปรับราคาขึ้นแล้ว โดยเฉพาะร้านอาหารเครือข่ายต่างๆ โดยรูปแบบการขยับราคา มีทั้งการจัดโปรโมชั่นใหม่ เพื่อไม่ให้กระทบความรู้สึกของผู้บริโภคในการจับจ่ายใช้สอย ขณะที่บางร้านที่ได้มิชลินสตาร์เคยขายเมนูติดดาวราคา 200 บาท ปรับขึ้นเป็น 400 บาท เป็นต้น

ทั้งนี้ คาดหวังแนวโน้มวัตถุดิบครึ่งปีหลัง จะมีการปรับตัวลดลงบ้าง เนื่องจากมองผลผลิตหรือซัพพลายเนื้อสัตว์ประเภทต่างๆ เช่น เนื้อหมู เนื้อไก่ จะออกสู่ตลาด ทำให้ราคาอ่อนตัวลง