คกก.โรคติดต่อฯ อนุมัติมาตรการโควิด-19 เป็นโรคเฝ้าระวัง ไม่มีอาการ-น้อย ไม่ต้องกักตัว

648
0
Share:
คกก.โรคติดต่อฯ อนุมัติมาตรการ โควิด-19 เป็นโรคเฝ้าระวัง ไม่มีอาการ-น้อย ไม่ต้องกักตัว

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (รมว.สธ.) ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากที่มีการประกาศปรับโรคโควิด-19 จากโรคติดต่ออันตรายเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง ลำดับที่ 57 ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2565 เป็นต้นไป

ที่ประชุมมีมติเห็นชอบ 2 เรื่องสำคัญ ประกอบด้วย 1.เห็นชอบแผนปฏิบัติการควบคุมโรคโควิด-19 รองรับการเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังตั้งแต่ต.ค. 2565 – ก.ย.2566 มียุทธศาสตร์ 4 ด้าน ได้แก่ 1.ด้านการป้องกัน เฝ้าระวังและควบคุมโรค 2.ด้านการแพทย์และรักษาพยาบาล 3.ด้านการสื่อสารความเสี่ยง ประชาสัมพันธ์ และข้อมูลสารสนเทศ และ 4.ด้านบริหารจัดการ กฎหมาย สังคม และเศรษฐกิจ ซึ่งจะนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.)ให้ความเห็นชอบต่อไป เพื่อให้ทุกจังหวัดจัดทำแผนปฏิบัติกาสอดคล้องกับแผนหลัก เพื่อให้เกิดความพร้อมทุกด้าน และติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง หากมีความรุนแรงเพิ่มขึ้น อาจประกาศพื้นที่โรคระบาดตามความจำเป็น

และ 2.เห็นชอบมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 รองรับการเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง โดยยกเลิกแสดงเอกสารวัคซีนหรือผลการตรวจ ATK โรคโควิด-19 แต่ยังคงการเฝ้าระวังผู้เดินทางที่มีอาการป่วยของโรคติดต่ออันตรายหรือโรคติดต่ออุบัติใหม่, ปรับมาตรการแยกกักสำหรับผู้ป่วยอาการน้อย หรือผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการ ไม่ต้องกักตัว แต่ให้ปฏิบัติตามมาตรการ DMHT คือ เว้นระยะห่าง ใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ และตรวจให้ไวอย่างเคร่งครัด 5 วัน

ส่วนประชาชนให้มีพฤติกรรมป้องกันตนเองอย่างถูกต้องเหมาะสม เช่น สวมหน้ากากในพื้นที่ที่มีคนหนาแน่น หรือเป็นพื้นที่อากาศไม่ถ่ายเท ล้างมือ และตรวจ ATKเมื่อมีอาการ,สถานประกอบการให้คัดกรองพนักงานเป็นประจำ หากจำเป็นต้องตรวจATK ที่มีอาการโรคทางเดินหายใจก็ให้ดำเนินการ และCOVID-Free Setting ขึ้นกับการพิจารณาของผู้บริหารดำเนินการตามความเหมาะสม

ส่วนสิทธิในการรักษาพยาบาล นายอนุทิน ระบุว่า กรณี UCEP หรือ UCEP Plus ยังคงอยู่ เพราะยังถือว่าเป็นโรคอุบัติใหม่ ยังไม่มียาที่มาจดทะเบียนใช้ในภาวะปกติ แต่ยังเป็นการจดทะเบียนนำมาใช้ในการดูแลรักษาโควิด-19ยังอยู่ภายใต้แบบฉุกเฉิน รวมถึงวัคซีนด้วย จึงยังมีความเหมาะสมที่ยังคงต้องให้การรักษาดูแลประชาชนโดยภาครัฐอยู่ ส่วนผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการหรือมีอาการน้อยซึ่งแพทย์วินิจฉัยแล้วต้องการไปพบแพทย์หรือแพทย์วินิจฉัยว่าไม่ต้องนอนรักษาในรพ. แต่ผู้ติดเชื้อยังประสงค์นอนรพ.ก็จะต้องเสียค่าใช้จ่ายเอง หากเป็นผู้ป่วยโควิด-19 กลุ่มสีแดง เช่น หายใจล้มเหลว หรือความดันตก ยังคงมีสิทธิของUCEP Plus คือเข้ารักษาได้ทุกสถานพยาบาล และให้รับรักษาจนหาย ซึ่งจะต่างจากUCEP ทั่วไปที่จะรักษาจนพ้นภาวะวิกฤติและส่งกลับสถานพยาบาลตามสิทธิใน 72 ชั่วโมง