คนผ่อนบ้านเป็นเดอะแบกทั้งงวดผ่อนยาวขึ้น แบกทั้งค่างวดสูงขึ้น รับดอกเบี้ยแบงก์ชาติ

นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) กล่าวว่า การที่อัตราดอกเบี้ยขึ้นสูงมีผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อภาพอสังหาริมทรัพย์ ทั้งผู้ประกอบการและผู้ซื้อที่อยู่อาศัย ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการซื้อของประชาชน หรือวงเงินที่สามารถกู้ได้ปรับตัวลง สวนทางกับราคาที่อยู่อาศัยที่ปรับเพิ่มขึ้น

กลุ่มผู้ซื้อที่อยู่อาศัยจะได้รับผลกระทบอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น 2 ด้าน ได้แก่ ดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้วงเงินกู้ที่ได้รับสินเชื่อลดลง มีผลทำให้เงินงวดผ่อนต่อเดือนเพิ่มสูงขึ้น

หลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอีก 0.25% เมื่อสัปดาห์ผ่านไป จะทำให้เงินงวดผ่อนต่อเดือนเพิ่มขึ้นประมาณ 350-400 บาทสำหรับวงเงินกู้ซื้อที่อยู่อาศัยที่ 2 ล้านบาท ในภาวะเช่นนี้กลับสวนทางกับราคาที่อยู่อาศัยที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงความสามารถทางการเงินของผู้ซื้อที่อยู่อาศัยในปัจจุบันที่ยังไม่ฟื้นตัวดี

รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) กล่าวว่า ผู้ที่อยู่ระหว่างผ่อนชำระบ้าน ก็คาดว่ามีโอกาสจะได้รับผลกระทบอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น คือ ถ้าดอกเบี้ยขึ้น แต่เงินงวดยังไม่ขึ้น ผู้ที่กำลังผ่อนชำระบ้านจะได้รับการตัดชำระเงินต้นลดลง ระยะเวลาในการผ่อนชำระจะยาวนานขึ้น

ดังนั้น ถ้าอัตราดอกเบี้ย MRR/MLR ของธนาคารปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าในปัจจุบันอีก อาจจะทำให้ธนาคารมีการเพิ่มค่างวดในการผ่อนชำระต่อเดือนเพิ่มขึ้น สาเหตุจากนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมามีการขึ้นดอกเบี้ยครั้งละ 0.25% และในสัปดาห์ผ่านไป ก็ขึ้นดอกเบี้ยอีกไปแตะที่ 2.50% ต่อปี ทำให้กลุ่มที่มีการผ่อนชำระที่ผูกกับการลอยตัว และกลุ่มที่กำลังจะพ้นช่วงดอกเบี้ยโปรโมชั่นจะได้รับผลกระทบมาก และอาจจะทำให้เกิดการรีไฟแนนซ์ระหว่างธนาคารมากขึ้น

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 27 กันยายนที่ผ่านมาธนาคารแห่งประเทศไทยมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอีก 0.25% และมีผลทันที ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยดังกล่าวขึ้นแตะที่ระดับ 2.50% ทำสถิติสูงสุดในรอบ 10 ปี หรือตั้งแต่ปี 2013 เป็นต้นมา