ตลาดวาย! อสังหาฯ ปี 66 ซบเซาชัด คนฐานล่างหมดกำลังซื้อ ตะลึงบ้านต่ำ 2 ล้านบาทขายไม่ออก

548
0
Share:
ตลาดวาย! อสังหาริมทรัพย์ ปี 66 ซบเซาชัด คนฐานล่างหมดกำลังซื้อ ตะลึงบ้านต่ำ 2 ล้าน บาทขายไม่ออก

นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์(REIC) กล่าวว่า ภาพรวมของตลาดที่อยู่อาศัยในไตรมาส 3 ปี 2566 นี้ เกิดภาวะชะลอตัวของตลาดชัดเจนแล้ว ทั้งบ้านจัดสรรและอาคารชุด โดยมียอดขายภาพรวมลดลง -9.7% ในแง่ราคาที่อยู่อาศัยนั้น ปรากฏว่ากลุ่มที่มียอดขายลดมากที่สุดอยู่ระดับราคาไม่เกิน 2ล้านบาท โดยมียอดขายลดลงถึง -17.1% ในกลุ่มราคานี้ ส่วนใหญ่เป็นอาคารชุดราคา 2.01-5 ล้านบาท รวมถึงทาวน์เฮ้าส์และบ้านเดี่ยวราคามากกว่า 10 ล้านบาท ที่มียอดขายลดลงเช่นกัน

ในรายละเอียดของภาวะอสังหาริมทรัพย์ในภาพรวมทั้งปี 2566 นี้ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯและปริมณฑล ซึ่งประเมินว่าจะมีการเปิดตัวที่อยู่อาศัยใหม่เข้าสู่ตลาด 94,732 หน่วย มูลค่า 493,516 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม จำนวนยูนิตในการเปิดโครงการดังกล่าวลดลง -13.4% ทำให้มูลค่าลดลง -10.3% ประกอบด้วยโครงการบ้านจัดสรรมีจำนวน 55,646 หน่วย และมีมูลค่า 370,343 ล้านบาท ส่วนอาคารชุดมีจำนวน 39,086 หน่วย และมี มูลค่า 123,173 ล้านบาท

โครงการที่อยู่อาศัยใหม่ขายได้จำนวน 77,739 หน่วย ซึ่งลดลง -18.3% มีมูลค่า 405,052 ล้านบาท ซึ่งลดลง -16.1% ประเภทของโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ที่ขายได้ ประกอบด้วยอาคารชุดมีจำนวน 32,864 หน่วย เป็นมูลค่า 125,505 ล้านบาท และบ้านจัดสรรจำนวน 44,875 หน่วย เป็นมูลค่า 279,548 ล้านบาท

ในขณะที่ คาดว่าจะมีที่อยู่อาศัยเหลือรอขายในสิ้นปี 2566 จำนวน 198,282 หน่วย เป็นมูลค่า 986,160 ล้านบาท ประกอบด้วยอาคารชุดจำนวน 71,239 หน่วย เป็นมูลค่า 281,867 ล้านบาท และบ้านจัดสรรจำนวน 127,043 หน่วย เป็นมูลค่า 704,293 ล้านบาท

ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์(REIC) กล่าวว่า ภาวะภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยในไตรมาส 3 ปี 2566 ปรากฏว่ามีเปิดตัวใหม่เพิ่มมากกว่ายอดขายใหม่ในไตรมาสนี้ ส่งผลให้ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยมีเหลือขายที่เพิ่มขึ้นมากถึง 10% อย่างไรก็ตาม จำนวนหน่วยเปิดตัวใหม่ของบ้านจัดสรรมีมากกว่ายอดขายได้ใหม่ถึง 2,463 หน่วย หรือกว่า 23.6% ขณะที่อาคารชุดเปิดตัวใหม่น้อยกว่ายอดขายได้ใหม่ 405 หน่วย หรือ 5.2 % อย่างไรก็ตาม ยอดขายอาคารชุดเปิดตัวใหม่ลดลง ทำให้ไม่สามารถดูดซับหน่วยเหลือขายที่เหลือสะสมมาจาก 6 ไตรมาสก่อนหน้านี้ได้

ส่งผลให้ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีที่อยู่อาศัยเหลือขายทั้งสิ้น 195,059 หน่วย เป็นมูลค่ากว่า 1.014 ล้านล้านบาท ประกอบด้วยอาคารชุด 38.3% หรือ 74,657 หน่วย เพิ่มขึ้น 18.1% เป็นมูลค่า 287,961 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 5.1% และบ้านจัดสรร 61.7% หรือ 120,402 หน่วย เพิ่มขึ้น 21.7% เป็นมูลค่า 726,620 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน