คนละทิศ! ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดขึ้นแผ่วๆเกือบ 30 จุด

295
0
Share:

เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2565 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 32,832 จุด +29 จุด หรือ +0.09% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 4,140 จุด -5 จุด หรือ -0.12% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 12,544 จุด -13 จุด หรือ -0.10% ในสัปดาห์ผ่านไป ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดแตกต่างกัน -0.1%, +0.4% และ +2.2% ตามลำดับ

สาเหตุจากผลประกอบการของกลุ่มหุ้นเทคโนโลยี เช่น เอ็นวิเดีย ยักษ์ธุรกิจเกมออนไลน์ สร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุน นอกจากนี้ นักลงทุนประเมินกระแส และแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หลังจากเมื่อปลายสัปดาห์ผ่านไป พบว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนกรกฎาคมที่สูงมากกว่าที่คาดไว้มาก โดยจ้างงานพุ่งสูงถึง 528,000 คน ซึ่งสูงกว่าที่คาดหมายไว้มากที่ 258,000 คน ขณะที่ อัตราการว่างงานอยู่ที่ 3.5% ซึ่งลดต่ำลงอีก และต่ำกว่าที่คาดไว้ว่าจะอยู่ที่ 3.6% ที่สำคัญ อัตราว่างงานดังกล่าวในเดือนกรกฎาคมที่ลดลงแตะ 3.5% กลับไปอยู่ในระดับก่อนเกิดโรคระบาดโควิด-19 นอกจากนี้ ยังเป็นสถิติว่างงานต่ำสุดในรอบกว่า 62 ปี หรือนับตั้งแต่ช่วงปลายปี 1960

ตลาดซื้อขายสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า รายงานว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 90.76 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +1.75 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +1.97% เมื่อวันที่ 4 สิงหาคมที่ผ่านไป มีราคาทำสถิติต่ำสุดในรอบ 6 เดือน หรือนับตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์ผ่านมา ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 96.65 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +1.73 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +1.80% เมื่อวันที่ 4 สิงหาคมผ่านมา มีราคาทำสถิติต่ำสุดในรอบเกือบ 6 เดือน หรือนับตั้งแต่วันที่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

ในสัปดาห์ผ่านไป ราคาน้ำมันดิบทั้ง 2 แห่ง ลดลง -9.7% และ -13.7% ตามลำดับ ส่งผลราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ทำสถิติราคาน้ำมันดิบรายสัปดาห์ต่ำสุดในรอบ 6 เดือน หรือนับตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2565 เป็นต้นมา โดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ รายสัปดาห์ทำสถิติต่ำสุดในรอบ 2 ปี 3 เดือน หรือตั้งแต่เมษายน ปี 2020 เป็นต้นมา

สำหรับเดือนกรกฎาคมที่ผ่านไป ราคาน้ำมันดิบทั้ง 2 แห่งรายเดือนร่วงเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน นับเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 ปีผ่านมา หรือนับตั้งแต่ปี 2020 ขณะที่สำนักงานรอยเตอร์ส ปรับลดราคาน้ำมันดิบคาดการณ์เฉลี่ยทั้ง 2 แห่งในปี 2022 ลงมาอยู่ที่ 101.28 และ 105.75 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล นับเป็นการปรับลดครั้งแรกในรอบ 3 เดือนผ่านมา หรือตั้งแต่เมษายนที่ผ่านมา

สาเหตุจากตัวเลขเศรษฐกิจจีนแผ่นดินใหญ่ออกมาดีกว่าที่คาดไว้ ได้แก่ ยอดส่งออกเดือนกรกฎาคมที่สูงกว่าคาดหมาย การนำเข้าน้ำมันดิบในเดือนกรกฎาคมพุ่งสูงถึง 8.79 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้นจากสถิตินำเข้าต่ำสุดในรอบ 4 ปีในเดือนมิถุนายน

ราคาทองคำล่วงหน้านิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,804.80 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +13.70 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +0.8% ก่อนหน้านี้ ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2020 หรือในรอบ 18 เดือน

สาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐทะยานแข็งค่าขึ้นถึง 1.1% ด้านผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริการะยะสั้นในคืนผ่านมาสูงขึ้นต่อเนื่อง เป็นผลจากจากจ้างงานพุ่งสูงถึง 528,000 คน ซึ่งสูงกว่าที่คาดหมายไว้มากที่ 258,000 คน ขณะที่ อัตราการว่างงานอยู่ที่ 3.5% ซึ่งลดต่ำลงอีก และต่ำกว่าที่คาดไว้ว่าจะอยู่ที่ 3.6% นอกจากนี้อัตราค่าจ้างในเดือนกรกฎาคม พบว่าอัตราค่าจ้างรายชั่วโมงเฉลี่ยเพิ่มสูงขึ้นจากเดือนมิถุนายนอีก 0.5% และพุ่งขึ้นถึง 5.2% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันในปีผ่านมา ตัวเลขที่เกี่ยวข้องกับภาวะแรงงานในเดือนกรกฎาคมนั้น กำลังสร้างแรงกดดันในการปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นสหรัฐอเมริกาอย่างแรงกว่าที่ก่อนหน้านี้ประเมินว่าอาจไม่ปรับขึ้นแรงกว่าทุกครั้งผ่านมา