คนอเมริกันค้างจ่ายค่างวดรถยนต์พุ่งสูงในรอบเกือบ 30 ปี เซ่นดอกเบี้ยซื้อรถแพงกว่า 21%

ฟิทช์ เรตติ้งส์ บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือในการลงทุนชื่อดังระดับโลกจากสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า ผู้บริโภคชาวอเมริกันที่ซื้อรถยนต์ด้วยวิธีการดาวน์และผ่อนรถยนต์เผชิญปัญหาค้างจ่ายค่างวดผ่อนรถยนต์มากขึ้นอย่างเป็นที่น่ากังวล โดยในเดือนกันยายนผ่านไป คนอเมริกันค้างจ่ายค่างวดรถยนต์เป็นเวลา 60 วัน หรือ 2 รอบค่างวดติดต่อกัน เพิ่มสูงขึ้นเป็น 6.11% ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1994 หรือในรอบ 29 ปีผ่านมา

สาเหตุจากภาวะการจ้างงานที่ตึงตัวในสหรัฐอเมริกาได้นำไปสู่การแข่งขันอย่างรุนแรงในการจ้างงานคนอเมริกันที่ต้องมีคุณสมบัติดีเยี่ยมและประสบการณ์สูง ส่งผลให้มีชาวอเมริกันในวัยทำงานจำนวนมากตกอยู่ในสภาพความไม่แน่นอนในการจ้างงานสูง นอกจากนี้ ภาวะเงินเฟ้อในระดับสูงของสหรัฐอเมริกาในปัจจุบันยังคงลดทอนกำลังซื้อและการบริโภคสินค้ามีราคาสูงอย่างต่อเนื่อง

ฟิทช์ เรตติ้งส์ เปิดเผยต่อไปว่า ราคาขายรถยนต์ที่มีราคาแพงขึ้นจากผลกระทบของต้นทุนในการผลิตรถยนต์ที่สูง อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อรถยนต์ในตลาดที่อยู่ในระดับสูง รวมถึงการส่งสัญญาณของประธานธนาคารสหรัฐอเมริกา หรือเหดในกลางสัปดาห์นี้ว่า อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดจะอยู่ในระดับสูงและอาจปรับขึ้นสูงอีกในอนาคต ปัจจัยเหล่านี้จะยิ่งกดดันปัญหาการค้างจ่ายค่างวดรถยนต์ของชางอเมริกันต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อประชาชนชาวอเมริกันจำนวนหลายล้านคนเริ่มจ่ายหนี้เงินกู้การศึกษาคืนกลับให้รัฐบาลกลางไปเมื่อเร็วๆนี้

นักศึกษาหญิงอเมริกันอายุ 27 ปี ชื่อว่า อาเรียล ลาร์เซ็น ศึกษาในระดับอุดมศึกษาที่มหาวิทยาลัยแห่งแมรี่แลนด์ อิสเทิร์น ชอร์ ในแมรีแลนด์ สหรัฐอเมริกา ยอมรับว่ารู้ว่าเป็นเรื่องที่เสี่ยงมากถ้าต้องพลาดการส่งค่างวดผ่อนรถ แต่เธอไม่มีเงินพอแล้วจริงๆ เมื่อเธอต้องมองผ่านหน้าตาจากห้องนอนในเช้าวันหนึ่งในกลางเดือนสิงหาคมผ่านไป เธอไม่เห็นรถโตโยต้ารุ่นพรีอุสปี 2015 อีกต่อไป รถของเธอถูกยึดแล้ว

สำหรับอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมซื้อรถยนต์ในสหรัฐอเมริกาจะมีความแตกต่างกันตามสภาพรถ และคะแนนเครดิตของส่วนตัวแต่ละคน สำหรับชาวอเมริกันที่มีประวัติคะแนนเครดิตระดับดี อัตราดอกเบี้ยกู้ซื้อรถยนต์คันใหม่จากศูนย์ดีบเลอร์จะคิดที่ 5.07% และจะคิดเพิ่มเป็น 7.09% สำหรับกู้ซื้อรถยนต์มือสอง ในทางตรงกันข้าม ขาวอเมริกันที่มีประวัติคะแนนเครดิตในระดับไม่ดี อัตราดอกเบี้ยกู้ซื้อรถยนต์คันใหม่จากศูนย์ดีลเลอร์จะคิดที่ 14.8% และจะคิดเพิ่มเป็น 21.38% สำหรับกู้ซื้อรถยนต์มือสอง

นางสาวโจเซฟิน คอร์แวคชิโอลี หญิงอเมริกันวัย 28 ปี ทำงานเป็นพนักงานของห้างโมเดิร์นเทรดชื่อว่าคอสโก้ได้ค่าจ้างชั่วโมงละ 17.50 ดอลลาร์สหรัฐ หรือชั่วโมงละ 650 บาท และมีคะแนนเครดิตที่ 580 คะแนน ทำให้เธอต้องจ่ายดอกเบี้ยที่ 13.58% กับเงินกู้ซื้อรถกระบะฮอนด้ารุ่นริดจ์ไลน์ ส่งผลให้เธอต้องผ่อนส่งรถคันนี้เดือนละ 700 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 25,900 บาทต่อเดือนซึ่งค่างวดนี้รวมเบี้ยประกันด้วยแล้ว แต่เธอกังวลว่าสักวันหนึ่งรถคันนี้จะถูกยึดเนื่องจากเธอค้างค้างวด

นางสาวเคลลี่ ดอนเนลล์ วัย 31 ปี มีอาชีพเป็นพนักงานบริการชงเครื่องดื่ม หรือบาร์เทนดี้ที่เมืองรัลเลนจ์ รัฐนอร์ท แคโรไลน่า สหรัฐอเมริกา ยอมรับว่ารถของเธอยี่ห้อจี๊ป เชอโรกี รุ่นปี 2019 พึ่งถูกยึดไป เนื่องจากรายได้ที่ได้จากค่าทิปลดลงอย่างมากตั้งแต่ต้นปีนี้มาเรื่อยๆจนถึงปัจจุบัน ทำให้เธอไม่สามารถส่งค่างวดผ่อนรถเดือนละ 400 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 14,800 บาทต่อเดือนได้ตรงตามกำหนดเวลาได้ เธอยอมรับว่ารายได้รวมมาจากค่าจ้างรายชั่วโมงอยู่ที่ 2 ดอลลาร์สหรัฐ หรือชั่วโมงละ 74 บาท และค่าทิปจากลูกค้าที่ก่อนหน้านี้มีตัวเลขที่สวยมาก แต่ทุกวันนี้ เมื่อเงินเฟ้อในสหรัฐยังสูงมาก ลูกค้าไม่มีรายได้มากเหมือนเดิม ทำให้จ่ายค่าทิปลดลงมากอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน

ทั้งนี้ ค็อกซ์ ออโตโมทีฟ เปิดเผยว่าสถานการณ์ยึดรถยนต์จากประชาชนชาวอเมริกันในปีนี้อาจมีสูงถึง 1.5 ล้านคัน เพิ่มขึ้นอีกราว 300,000 คันจากปีที่แล้วที่มีการยึดรถจำนวน 1.2 ล้านคัน