คนเอเชียใต้-ยุโรปมียีนที่ทำให้ป่วยโรคโควิด-19 หนักกว่าคนชาติอื่น

593
0
Share:
โควิด

ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ โพสต์เฟสบุ๊กเกี่ยวกับการค้นพบคุณสมบัติของยีน หรือพันธุกรรมในมนุษย์แถบเอเชียใต้ และยุโรป ที่มีความเสี่ยงสูงค่อการป่วยด้วยโรคระบาดโควิด-19 มากกว่าชาติอื่นๆ มีดังนี้

ทำไมประชาชนในสหราชอาณาจักรและประเทศแถบเอเชียใต้จึงได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการระบาดของโควิด-19 กว่าชาติอื่นๆ  บางเชื้อชาติมีความเสี่ยงต่อการป่วยหนักจากโรคโควิด-19 ในอัตราที่สูงกว่าคนเชื้อสายอื่นถึง 2 เท่า โดยคนเชื้อสายเอเชียใต้และผู้ที่มีบรรพบุรุษชาวยุโรปเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีความเสี่ยงสูงสุด คือประมาณ 60% และ 15% ตามลำดับ รองลงมาได้แก่คนเชื้อสายแอฟริกัน-แคริบเบียนและเชื้อสายเอเชียตะวันออกที่มีความเสี่ยงอยู่ที่ร้อยละ ๒ และ ๑.๘  คำตอบก็คือ ความผิดปกติของยีน LZTFL1 ในตัวผู้ติดเชื้อไวรัส SARS-CoV-2

เว็บไซต์ Nature Genetics เผยแพร่ผลการศึกษาเกี่ยวกับยีน LZTFL1 ที่เซลล์บุผนังปอดและทางเดินหายใจ ซึ่งตามปกติจะมีหน้าที่สร้างเซลล์ปอดใหม่เพื่อรับมือกับการติดเชื้อต่าง ๆ เมื่อเจอเชื้อไวรัสโคโรนา ยีนตัวนี้จะเปลี่ยนเป็นเซลล์บุผนังปอดและทำให้เชื้อเข้าสู่เซลล์ปอดได้น้อยลง เพราะตัวรับโปรตีน ACE2 ลดลง โปรตีนส่วนหนามของเชื้อไวรัสจึงไม่สามารถเกาะติดเซลล์ปอดได้ แต่ในบางคน ยีนตัวเดียวกันนี้กลับทำหน้าที่ผิดปกติจนทำให้เซลล์บุผนังปอดไม่อาจป้องกันตนเองจากเชื้อโควิดได้

งานวิจัยดังกล่าวยังศึกษาข้อมูลพันธุกรรมและความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องของหน่วยพันธุกรรมของผู้ป่วยโควิดที่มีอาการหนักถึงขั้นระบบทางเดินหายใจล้มเหลว กับผู้ที่ติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการหรือมีอาการเพียงเล็กน้อย โดยใช้ปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอในการเปรียบเทียบหาความแตกต่างและพบว่าผู้ป่วยที่ยีน LZTFL1 มีการแสดงออกในระดับต่ำ ไวรัสโคโรนาเข้าสู่เซลล์ได้น้อยลง

ส่วนในผู้ป่วยที่ยีน LZTFL1 มีการแสดงออกในระดับสูง กระบวนการเปลี่ยนแปลงของเซลล์จะช้าลง ทำให้ปอดไม่สามารถปรับตัวปกป้องตนเองจากเชื้อโควิด-19 ได้ ดังนั้น จึงสรุปได้ว่า ยีนตัวนี้ส่งผลให้อาการของโรคโควิด-19 ทวีความรุนแรงขึ้น เพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตมากขึ้นถึง ๒ เท่า ซึ่งมีอันตรายกว่าโรคหลอดเลือดหัวใจหรือเบาหวานเสียอีก นอกจากนั้น ยังพบว่ากลุ่มผู้ติดเชื้อที่อายุต่ำกว่า 60 ปีและมีความผิดปกติของยีน LZTFL1 มีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตถึง 2 เท่าด้วยเช่นกัน

ศ.เจมส์ เดวีส์ ผู้นำทีมวิจัยของมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดยังระบุว่ากลุ่มผู้ติดเชื้ออายุ 20-60 ปี ที่มีความผิดปกติในยีนดังกล่าวมีความเสี่ยงที่จะป่วยหนักและเสียชีวิตเพิ่มขึ้น 2 เท่าในทุกช่วงอายุ 10 ปี กล่าวคือ ผู้ติดเชื้อวัย 40 ปี จะมีความเสี่ยงจะป่วยหนักและเสียชีวิตสูงกว่าผู้ติดเชื้อวัย 30 ปีเป็นสองเท่า

ในขณะที่เราจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมได้ ผลการวิจัยนี้แสดงให้เห็นว่า ผู้ที่มียีนที่มีความเสี่ยงสูงควรเข้ารับการฉีดวัคซีนเพื่อช่วยป้องกันอาการรุนแรงของโรค ศาสตราจารย์กิตติคุณ ฟรานเซส ฟลินเตอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านพันธุศาสตร์คลินิก สนับสนุนว่าผลการวิจัยชิ้นนี้ชี้ให้เห็นความสำคัญของการระบุเป้าหมายในการกระจายวัคซีนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น การฉีดวัคซีนแก่กลุ่มที่มีความบกพร่องทางพันธุกรรมจะช่วยลดทอนความเสี่ยงที่มีมากกว่ากลุ่มคนทั่วไปและช่วยป้องกันการป่วยรุนแรงจากการติดเชื้อโควิด-19 ได้

ปัจจุบัน การวิจัยคิดค้นยาและวัคซีนป้องกันโควิด-19 จะมุ่งเน้นที่ระบบภูมิคุ้มกันเป็นส่วนใหญ่นักวิทยาศาสตร์จึงหวังว่าการค้นพบนี้จะช่วยนำไปสู่การคิดค้นยาที่มุ่งเน้นป้องกันปอด และย้ำว่าการฉีดวัคซีนสามารถช่วยลดความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากความผิดปกติยีนดังกล่าวได้