คนไทยยังมั่นใจไว้ใจแบรนด์รถญี่ปุ่นมากว่าสัญชาติอื่นๆ คนไทยเกินครึ่งชอบใช้รถไฮบริดมากกว่ารถอีวี

104
0
Share:

นายศิรส สาตราภัย กรรมการผู้จัดการ ดิฟเฟอเรนเชียล ประจำประเทศไทย บริษัท ดิฟเฟอเรนเชียล (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทที่ปรึกษาและวิจัยการตลาดชั้นนำ กล่าวว่า ได้การทำสำรวจศึกษาพฤติกรรมและความภักดีของคนไทยต่อแบรนด์รถยนต์ต่าง ๆ ในปี 2567 มีจำนวนกว่า 2,500 ราย ปรากฏว่า แบรนด์รถยนต์ญี่ปุ่นยังเป็นแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จในการสร้างความเชื่อมั่นและภักดีในกลุ่มผู้บริโภค มีความพึงพอใจในคุณภาพของผลิตภัณฑ์และการบริการ ดังนั้น การส่งมอบประสบการณ์และความพึงพอใจของลูกค้าตลอดช่วงเวลาการเป็นเจ้าของรถยนต์ ทั้งก่อน ระหว่าง และหลังการขาย เป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้เล่นรายใหม่ในตลาดรถยนต์ไทยจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องคำนึงถึง เพื่อสร้างความเชื่อมั่น และความภักดีของลูกค้าต่อแบรนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยั่งยืน

ลูกค้ารถยนต์ค่ายญี่ปุ่น มีความเชื่อมั่นและภักดีต่อแบรนด์ พร้อมเลือกซื้อรถยนต์ยี่ห้อเดิมมากที่สุดถึง 48% อันดับ 2 อเมริกา 39% และสุดท้ายคือ แบรนด์จีนน้อยที่สุด 28% สำหรับปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดความภักดีและผูกพันต่อแบรนด์ ได้แก่ ความพึงพอใจต่อคุณภาพและการออกแบบ ภาพลักษณ์ของแบรนด์ ความคุ้นเคยและความสะดวกสบาย

ผู้ตอบแบบสำรวจกว่า 72% ยอมรับว่าเหตุผลหลักในการเปลี่ยนยี่ห้อรถยนต์เมื่อต้องตัดสินใจซื้อรถยนต์คันใหม่นั้น คือ ความต้องการและความชื่นชอบที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย สำหรับกลุ่มเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้า 100% หรือรถอีวีนั้น พบว่า 42% ของกลุ่มเจ้าของรถอีวีในปัจจุบันวางแผนที่จะเลือกซื้อรถอีวีต่อไป ในทางตรงกันข้าม พบว่า 58% ยังพร้อมเลือกซื้อรถน้ำมัน และรถไฮบริด

ที่น่าสนใจ คือ เจ้าของรถยนต์ใช้น้ำมันและรถยนต์ประเภทเครื่องยนต์ไฮบริด มีถึง 48% ที่ยืนยันว่าจะเลือกซื้อรถยนต์เครื่องสันดาป หรือรถน้ำมัน (ICE) ต่อไป ปัจจัยหลัก ได้แก่ การออกแบบรูปลักษณ์ภายนอก ยี่ห้อรถยนต์ และการตกแต่งภายใน ตามลำดับ

สำหรับเหตุผลการตัดสินใจเปลี่ยนรถยนต์คันใหม่นั้น พบว่า 38% เลือกที่จะเปลี่ยนรถ เนื่องจากรถที่ใช้งานปัจจุบันเริ่มเสีย หรือไม่สามารถใช้งานต่อได้ ถัดมา 17% เปลี่ยนรถไปตามไลฟ์สไตล์หรือความต้องการการใช้รถที่เปลี่ยนแปลงไป มี 16% เนื่องจากกังวลเรื่องค่าบำรุงรักษาที่สูงขึ้น ราว 16% เหตุจากรถถึงอายุการใช้งานที่กำหนดไว้ มี 9% มาจากรถรุ่นใหม่มีรูปแบบ หรือฟังก์ชั่นที่มีความน่าสนใจมากกว่า และ 4% เลือกที่จะเปลี่ยนเพราะรถถึงระยะ หรือหลักไมล์ที่กำหนดไว้ ทั้งนี้ 70% ของผู้ตอบแบบสำรวจตัดสินใจเปลี่ยนรถยนต์เมื่อรถมีอายุโดยเฉลี่ย 9 ปี