คมนาคมอนุมัติขึ้นค่าแท็กซี่

1417
0
Share:

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับกรมการขนส่งทางบกหรือ ขบ. และตัวแทนกลุ่มแท็กซี่ เพื่อพิจารณาประเด็นข้อร้องเรียนและข้อเสนอ เพื่อแก้ไขปัญหากลุ่มรถแท็กซี่ โดยได้ข้อสรุปว่า
.
ได้เห็นชอบร่วมกันให้มีการ“ปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารและค่าบริการแท็กซี่” เพื่อลดภาระต้นทุนการเดินรถให้แก่แท็กซี่ คาดว่าจะปรับขึ้นราคาได้ภายใน 1 เดือน หรือภายในวันที่ 8 ก.ย. นี้ เป็นต้นไป
.
โดยระหว่างนี้ให้ขบ. เร่งจัดทำแอพพลิเคชั่นเพื่อจัดระเบียบแท็กซี่ป้ายเหลืองให้เข้ามาสู่ระบบเดียวกันทั้งหมดภายใน 1 เดือน เพื่อให้กำกับดูแลและตรวจสอบการให้บริการแท็กซี่เป็นไปตามกฎหมายต่อไป
.
สำหรับอัตราค่าโดยสารที่จะปรับใหม่นั้น ในระยะเริ่มต้นกดมิเตอร์ยังคงอัตราค่าโดยสารเดิมที่ 35 บาท แต่จะปรับขึ้นค่าโดยสารในระยะต่อไป คือ ระยะทางช่วง 1-10 กิโลเมตร ปรับขึ้นกิโลเมตรละ 1 บาท จาก 5.50 บาท เป็น 6.50 บาท
.
ส่วนระยะช่วง 10-20 กิโลเมตร ปรับขึ้นกิโลเมตรละ 50 สตางค์ จาก 6.50 บาท เป็น 7 บาท , ระยะช่วง 20-40 กิโลเมตร ปรับขึ้นกิโลเมตรละ 50 สตางค์ จาก 7.50 บาท เป็น 8 บาท และระยะช่วง 40-60 กิโลเมตร ปรับขึ้นกิโลเมตรละ 50 สตางค์ จาก 8 บาท เป็น 8.50 บาท
.
นอกจากนี้ได้อนุมัติปรับขึ้นค่าโดยสารช่วงรถติด ซึ่งมีอัตราความเร็วไม่เกิน6 กม./ชม. อีกนาทีละ 1 บาท นั่นคือปรับขึ้นจากเดิมนาทีละ 2 บาท เป็นนาทีละ 3 บาท และให้ขยายอายุแท็กซี่เพิ่มขึ้นจาก 9 ปี เป็น 12 ปี แต่ต้องนำรถเข้ามาตรวจสภาพทุก 3 เดือน หากไม่ผ่านมาตรฐานต้องหยุดให้บริการทันที
.
สำหรับแท็กซี่สนามบินดอนเมืองและสุรรรณภูมิ ได้เห็นชอบให้ปรับขึ้นค่าเซอร์ชาร์จหรือค่าธรรมเนียมแท็กซี่สนามบินเพิ่มขึ้น โดยรถแท็กซี่แวน ให้ปรับเพิ่มขึ้นอีกเที่ยวละ 20 บาท จาก 70 บาท เป็น 90 บาท
.
ส่วนแท็กซี่ขนาดเล็ก ให้ปรับเพิ่มขึ้นเที่ยวละ 20 บาท จาก 50 บาท เป็น 70 บาท และยังให้มีการปรับเพิ่มอัตราค่าขนสัมภาระขนาด 26 นิ้วขึ้นไปให้แก่แท็กซี่สนามบิน โดยสัมภาระ 2 ชิ้นแรกจะไม่คิดค่าบริการ แต่ตั้งแต่ชิ้นที่ 3 เป็นต้นไปจะต้องจ่ายค่าบริการชิ้นละ 20 บาท โดยจะหารือกับบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) หรือ ทอท. เพื่อออกประกาศบังคับใช้ต่อไป
.
ส่วนการแก้ไขปัญหาแท็กซี่ป้ายดำหรือแกร็บแท็กซี่ ได้สั่งการให้ ขบ.ไปแก้กฎหมาย เพื่อเปิดโอกาสให้สามารถนำรถป้ายดำส่วนบุคคลมาให้บริการสาธารณะได้ แต่จะต้องเป็นบริษัทที่เป็นสัญชาติไทยเท่านั้น และจะต้องมาขึ้นทะเบียนกับขบ. และปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ เช่นการเสียภาษีรายได้ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 1 เดือน