คมนาคมเคาะขึ้นค่าโดยสารแท็กซี่รถใหญ่ สตาร์ท 40 บาท รถติดจ่ายนาทีละ 3 บาท

นายศดิศ ใจเที่ยง นายกสมาคมแท็กซี่สาธารณะไทย พร้อมด้วย 5 สมาคม 1 สมาพันธ์และ 1 กลุ่ม ประกอบด้วย สมาคมประสานงานรถรับจ้างสุวรรณภูมิ สมาคมผู้ขับรถแท็กซี่สาธารณะ สมาคมแท็กซี่ยานยนต์ไฟฟ้า สมาคมแท็กซี่สาธารณะไทย สมาพันธ์แรงงานแท็กซี่ไทย และกลุ่มแท็ก ทวงคืนความยุติธรรมจำนวนกว่า 200 คน ร่วมฟังคำตอบจากกระทรวงคมนาคม และกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เกี่ยวกับความคืบหน้าการปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารรถยนต์รับจ้าง (รถแท็กซี่)

ด้านนายวิรัช พิมพะนิตย์ ที่ปรึกษา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นางสุขสำรวย วันทนียกุล เลขานุการรมว.คมนาคม พร้อมนายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ได้ร่วมประชุมหารือกับผู้แทน 4 สมาคม ประกอบด้วย สมาคมแท็กซี่สาธารณะไทย สมาคมประสานงานรถรับจ้างสุวรรณภูมิ สมาคมผู้ขับรถแท็กซี่สาธารณะ สมาคมแท็กซี่ยานยนต์ไฟฟ้า และ บริษัท โฮวา จำกัด เพื่อติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับการพิจารณาปรับอัตราค่าโดยสารแท็กซี่มิเตอร์ ซึ่งประชุมครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 19 ต.ค. 2565

โดยนายวิรัชเปิดเผยว่า ขบ. ได้ชี้แจงแก่ที่ประชุมว่า การพิจารณากำหนดอัตราค่าโดยสารดังกล่าว เป็นการดำเนินการในรูปแบบของคณะทำงาน ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนของหน่วยงานต่างๆ และได้รับฟังความเห็นอย่างรอบด้านจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง อาทิ มูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภค สำนักสภาองค์กรของผู้บริโภค สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ผู้แทนภาคประชาชน รวมถึงผู้แทนสหกรณ์แท็กซี่ต่างๆ โดย ขบ. ขอให้ 4 สมาคมรับอัตราค่าโดยสารที่ผ่านการพิจารณาของคณะทำงาน นี้ไปก่อน เพื่อให้สามารถไปสร้างรายได้เพิ่มขึ้นพอสมควร โดยประชาชนไม่ได้รับผลกระทบมากจนเกินไป ซึ่งท้ายที่สุดทางผู้แทน 4 สมาคมได้ยอมรับอัตราดังกล่าว จากนั้น ขบ. ได้รับที่จะจัดตั้งคณะทำงาน เพื่อศึกษาโครงสร้างอัตราค่าโดยสารที่เหมาะสม มีความเป็นสากล รวมถึงการจัดหาแนวทางการปรับปรุงโครงสร้างของมิเตอร์แท็กซี่ให้มีความเหมาะสมกับปัจจุบันและเป็นสากล ส่วนในขั้นต่อไป จะได้มีการออกประกาศกระทรวงคมนาคม เพื่อกำหนดอัตราค่าโดยสารรถแท็กซี่ใหม่ ก่อนเริ่มให้มีการจูนมิเตอร์ โดยผู้แทน 4 สมาคม ขอให้ ขบ.ช่วยเหลือให้ค่าจูนมิเตอร์ราคาที่เหมาะสม ไม่เป็นภาระแก่ผู้ขับรถแท็กซี่จนเกินไปพร้อมทั้งเตรียมพื้นที่ในการปรับจูนมิเตอร์ให้มีความคล่องตัวและรวดเร็ว ต่อไป

ด้านนายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดี ขบ. กล่าวว่า ในมติที่ประชุมครั้งนี้ เห็นชอบแนวทางการปรับขึ้นค่าโดยสารแท็กซี่ตามที่ ขบ. และทีดีอาร์ไอ เสนอว่าจะปรับอัตราค่าโดยสารในราคาที่เหมาะสมดังนี้ ระยะทาง 1 กิโลเมตร (ก.ม.) แรก รถเล็กคิดที่อัตรา 35 บาท รถใหญ่คิดที่อัตรา 40 บาท จากเดิมทั้งรถเล็กและรถใหญ่คิดที่อัตรา 35 บาท, ระยะทาง 2-10 ก.ม. ทั้งรถเล็กและรถใหญ่ คิดที่อัตราก.ม.ละ 6.5 บาท จากเดิมคิดที่อัตราก.ม.ละ 5.5 บาทระยะทาง 11-20 ก.ม. ทั้งรถเล็กและรถใหญ่ คิดที่อัตราก.ม.ละ 7 บาท จากเดิมคิดที่อัตราก.ม.ละ 6.5 บาท, ระยะทาง 21-40 ก.ม. ทั้งรถเล็กและรถใหญ่ คิดที่อัตราก.ม.ละ 8 บาท จากเดิมคิดที่อัตราก.ม.ละ 7.5 บาท, ระยะทางเกินกว่า 41-60 ก.ม. ทั้งรถเล็กและรถใหญ่ คิดที่อัตราก.ม.ละ 8.5 บาท จากเดิมคิดที่อัตราก.ม.ละ 8 บาท

ส่วนระยะทาง 61-80 ก.ม. ทั้งรถเล็กและรถใหญ่ คิดอัตราเท่าเดิมคือ ก.ม.ละ 9 บาท และระยะทาง 81 ก.ม. ขึ้นไป ทั้งรถเล็กและรถใหญ่ คิดอัตราเท่าเดิมคือ ก.ม.ละ 10.5 บาท ขณะที่ค่ารถติด กรณีรถเคลื่อนที่ได้ช้ากว่า 6 ก.ม.ต่อชั่วโมง (ช.ม.) ทั้งรถเล็กและรถใหญ่คิดอัตรา 3 บาทต่อนาที จากเดิมคิดที่อัตรา 2 บาทต่อนาที

อย่างไรก็ตามหลังจากประชุมครั้งนี้แล้ว ขบ. จะรวบรวมข้อมูลเพื่อเสนอนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เห็นชอบมติผลประชุมครั้งนี้ ภายใน 1-2 สัปดาห์ หากได้รับความเห็นชอบแล้ว ต้องมีการประกาศกฎกระทรวงในการปรับขึ้นค่าโดยสารแท็กซี่โดยมี รมว.คมนาคม เป็นผู้ลงนาม เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้การปรับขึ้นค่าโดยสารครั้งนี้ มีผลเฉพาะแท็กซี่ในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ ที่อยู่ในระบบทั้งหมด 80,000 คัน จากที่ให้บริการจริงในปัจจุบัน 60,000 คัน โดยหลังจากมีมติให้ปรับขึ้นค่าโดยสารแล้ว จำนวนรถแท็กซี่ที่มีอยู่ต้องนำมาปรับจูนมิเตอร์ค่าโดยสารใหม่ เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน โดย ขบ. จะเตรียมพื้นที่รองรับจำนวนรถแท็กซี่ที่ดำเนินการปรับมิเตอร์ราคาใหม่ครั้งนี้ด้วย เพื่อความรวดเร็ว และลดแออัดในการดำเนินการ ซึ่งเน้นย้ำแท็กซี่ในเรื่องพัฒนาคุณภาพให้บริการที่ดี โดยเฉพาะจะต้องไม่ปฏิเสธผู้โดยสารหากพบว่ามีการกระทำผิดจะลงโทษตามกฎหมายขั้นสูงสุด