ครม.อนุมัติให้กระทรวงการคลังกู้เงินจากเอดีบี

641
0
Share:

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี หรือครม.ว่า ครม.เห็นชอบร่างสัญญาเงินกู้จากธนาคารพัฒนาเอเชีย หรือเอดีบี ให้กระทรวงการคลังกู้เงินในนามรัฐบาลไทยจาก เอดีบีวงเงิน 1,500 ล้านดอลลาร์ หรือเท่ากับ 4.8 หมื่นล้านบาท เพื่อนำไปใช้ในโครงการแผนงานภายใต้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม 1 ล้านล้านบาท ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19
.
โดยปัจจุบันสัดส่วนของหนี้รัฐบาลที่เป็นสกุลเงินตราต่างประเทศยังอยู่ในระดับที่ต่ำ และกระทรวงการคลังสามารถบริหารความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนของเงินกู้สกุลเงินตราต่างประเทศให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมได้ โดยสัญญาเงินกู้ฯ ฉบับดังกล่าว มีกำหนดลงนามกับ เอดีบี ภายในเดือนสิงหาคมนี้
.
สำหรับความจำเป็นในการกู้เงินครั้งนี้ เนื่องจากระยะต่อไปสภาวะตลาดการเงินของไทยจะมีความผันผวนเพิ่มขึ้น โดยภาคเอกชนมีความต้องการสภาพคล่องเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับผลกระทบจากโควิด-19 และรัฐบาลยังคงต้องใช้งบประมาณเพื่อกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ ดังนั้นเพื่อเป็นการลดผลกระทบต่อสภาพคล่องภายในประเทศและต้นทุนการกู้เงินของทั้งภาครัฐและเอกชน กระทรวงการคลังจึงเห็นควรกระจายการกู้เงินไปยังแหล่งเงินกู้ต่างประเทศ
.
สำหรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เป็นแบบลอยตัว โดยอ้างอิงกับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมระหว่างธนาคารของตลาดลอนดอน (LIBOR) ระยะเวลา 6 เดือน บวกด้วยส่วนต่าง 0.50% ต่อปี โดยชำระดอกเบี้ยของวงเงินกู้คงค้างทุก 6 เดือน คือ วันที่ 15 กุมภาพันธ์ และวันที่ 15 สิงหาคม
.
นอกจากนี้มีค่าธรรมเนียมผูกพันเงินกู้ อัตรา 0.15% ต่อปี ภายหลัง 60 วันนับจากวันที่ลงนามในสัญญาเงินกู้ของวงเงินกู้ที่ยังไม่ได้เบิกจ่าย โดยชำระค่าธรรมเนียมพร้อมกับการชำระดอกเบี้ย
.
ด้านการชำระคืนต้นเงินกู้ แบ่งเป็น 2 วงเงินดังนี้ วงเงินที่ 1 วงเงินกู้ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อายุเงินกู้ 10 ปี รวมระยะเวลาปลอดการชำระต้นเงินกู้ 3 ปี ทยอยชำระคืนโดยแบ่งเป็น 14 งวด งวดละ 35.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เริ่มชำระงวดแรกในวันที่ 15 สิงหาคม 2566 และชำระงวดสุดท้ายในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2573วงเงินที่ 2 วงเงินกู้ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อายุเงินกู้ 5 ปี รวมระยะเวลาปลอดชำระต้นเงินกู้ 3 ปี ทยอยชำระคืนโดยแบ่งเป็น 4 งวด งวดละ 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เริ่มชำระงวดแรกในวันที่ 15 สิงหาคม 2566 และชำระงวดสุดท้ายในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568
.
ภายหลังการกู้เงินจาก เอดีบีวงเงิน 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐในครั้งนี้แล้ว จะทำให้สัดส่วนหนี้สาธารณะของไทยที่เป็นเงินตราต่างประเทศต่อหนี้สาธารณะทั้งหมด จะเท่ากับ 2.46% ซึ่งไม่เกิน 10% ตามกรอบการบริหารหนี้สาธารณะ
.
นอกจากนี้ ครม. ยังได้อนุมัติการใช้เงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมตามโครงเงินกู้ 1 ล้านล้านบาทเพิ่มเติมจำนวน 157 โครงการ วงเงิน 884.62 ล้านบาท โดยเป็นโครงการที่แต่ละจังหวัดเสนอขึ้นมา ครอบคลุม 57 จังหวัด แบ่งเป็น ภาคเหนือ 22 โครงการ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 65 โครงการ ภาคกลาง 30 โครงการ ภาคตะวันออก 2 โครงการ ภาคใต้และจังหวัดชายแดนใต้ 38 โครงการ