คริปโทลวงโลก! คนไทยราว 1,000 คนถูกลองลงทุนเหมืองเงินคริปโทฯ สูญเงินกว่า 1,000 ล้าน

352
0
Share:
คริปโท ลวงโลก! คนไทยราว 1,000 คนถูกลองลงทุนเหมืองเงินคริปโทฯ สูญเงินกว่า 1,000 ล้าน

นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พร้อมผู้เสียหายถูกหลอกให้ร่วมลงทุนเหมืองขุดคริปโทเคอร์เรนซี มูลค่าความเสียหายหลายพันล้านบาท เข้ายื่นหนังสือถึงนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม โดยมี ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตอารีรัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระรวงยุติธรรม เป็นตัวแทนรับมอบ

ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต กล่าวว่า ผู้เสียหายถูกชักชวนให้ร่วมลงทุนคริปโทเคอร์เรนซีของบริษัทแห่งหนึ่งที่มีสถานที่ตั้งอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ ขณะนี้เจ้าของบริษัทตกเป็นผู้ต้องหาและอยู่ระหว่างติดตามตัวมาดำเนินคดี คดีนี้มีลักษณะคล้ายกับการหลอกให้ร่วมลงทุน Forex 3D มีการชักชวนผ่านเพจเฟซบุ๊ก ให้ผู้สนใจร่วมลงทุนทำเหมืองขุดคริปโตเคอเรนซี เปิดให้ร่วมลงทุนตั้งแต่ปี 2562 หากลงทุน 30,000 บาท จะได้รับเงินปันผล 7,000 บาท ในระยะเวลา 30-45 วัน

โดยช่วงแรกที่ลงทุนผู้เสียหายจะได้รับการปันผลตามปกติ จนถึงวันที่ 23 สิงหาคม 2565 มีการประกาศหยุดการจ่ายปันผลให้กับผู้ร่วมลงทุนและผู้บริหารบริษัทมีการหลบหนีออกจากพื้นที่ ผู้เสียหายจึงได้เข้าร้องทุกข์ตำรวจ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 5 และพบว่ามีผู้เสียหายยังไม่เข้าแจ้งความอยู่ทั่วประเทศรวมกว่า 1,000 ราย รวมมูลค่าความเสียหายหลายพันล้านบาท

เลขานุการ รมว.ยุติธรรม ระบุว่า ลักษณะการปันผลไม่ได้จ่ายเป็นเงินสดให้กับผู้ลงทุน แต่จะปันผลเป็นตัวเลขในบัญชีลงทุน ซึ่งเงินยังคงอยู่ในระบบ แต่ผู้เสียหายส่วนใหญ่ไม่ได้มีการถอนออกมาและเก็บเข้าไปลงทุนต่อ ซึ่งตามสัญญามีระยะเวลาจ่ายปันผล 30-45 วัน แต่เมื่อครบกำหนดจะต้องมีการทำสัญญาใหม่มีลักษณะคล้ายกับสัญญากู้ยืมเงิน จะตรวจสอบว่าเข้าข่ายการทำธุรกิจเกี่ยวกับสถาบันการเงินหรือไม่ นอกจากนี้ ยังมีการอ้างว่านำเงินจากการลงทุนบางส่วนไปทำบุญมูลนิธิแห่งหนึ่งของนักมวยชื่อดัง ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบเพิ่มเติมว่ามีการเกี่ยวข้องหรือไม่

เลขานุการ รมว.ยุติธรรม กล่าวด้วยว่า เบื้องต้นได้ประสานยุติธรรมจังหวัดและกรมสอบสวนคดีพิเศษ เข้าไปดูแลว่าเข้าข่ายเป็นคดีพิเศษหรือไม่ ขณะเดียวกันวันนี้ที่จังหวัดเชียงใหม่ ทางเจ้าหน้าที่ ปปง.และตำรวจได้เข้าอายัดทรัพย์สินของผู้ต้องหาทั้งบ้านพักและรถหรู ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ได้จากการนำเงินของผู้เสียหายไปซื้อ เพื่อนำมาโชว์และหลอกผู้เสียหายให้มาร่วมลงทุน โดยกระทรวงยุติธรรมจะเร่งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อตามยึดอายัดทรัพย์สินกลับมาให้ได้มากที่สุด และในวันพรุ่งนี้ (31 ส.ค.) ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ จะประชุมร่วมกับทีมพนักงานสอบสวนยุติธรรมจังหวัดและกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อทำงานร่วมกันจากหลายหลายหน่วยงานในการช่วยเหลือผู้เสียหายให้เกิดความรวดเร็ว

ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ได้ร่วมลงทุนเป็นเงินกว่า 10 ล้านบาท ตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2564 รู้จักบริษัทนี้จากทางเฟซบุ๊ก ซึ่งมีการโพสต์สร้างความน่าเชื่อถืออวดกำไรจากการลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซี และทรัพย์สิน และอ้างว่ารู้จักบุคคลมีชื่อเสียงในจังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นมีการเปิดโปรเจกต์ให้ผู้สนใจร่วมลงทุน 3,000 บาท ได้ปันผล 7,000 บาท ระยะเวลาปันผล 45 วัน หลังจากร่วมลงทุนจะมีการส่งสัญญาให้กับผู้ร่วมลงทุน พร้อมระบุรายละเอียดของการลงทุนและเงินปันผลที่จะได้รับ ซึ่งที่ผ่านมาได้รับเงินปันผลตรงตามที่สัญญาไว้จนกระทั่งวันที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา มีการประกาศจะงดจ่ายปันผลเป็นเวลา 6 เดือน และหลังจากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อเจ้าของบริษัทได้ เมื่อตามไปที่บ้านพักพบว่าไม่มีใครอยู่ที่บ้านและทิ้งทรัพย์สินเอาไว้รวมกว่า 100 ล้านบาท

ผู้เสียหาย ระบุด้วยว่าหากต้องการถอนเงินปันผลออกจากระบบต้องเสียค่าธรรมเนียม 1- 5% ทำให้ผู้ลงทุนส่วนใหญ่เลือกที่จะไม่ถอนและฝากไว้ในระบบ เพื่อนำไปลงทุนเพิ่ม จนสุดท้ายไม่สามารถถอนเงินออกมาได้

ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด กล่าวว่า ขณะนี้มีทยอยเข้าไปแจ้งความทั่วประเทศ โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ บางรายเสียหาย 50-60 ล้านบาท ซึ่งการมาร้องเรียนที่กระทรวงยุติธรรมวันนี้ต้องการขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษรับคดีนี้เป็นคดีพิเศษ และอยากให้มีการอายัดทรัพย์สินเร็วที่สุด เพื่อจะได้นำมาคืนให้กับผู้เสียหาย และขอให้กระทรวงยุติธรรมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มโทษกับผู้ต้องหาในคดีฉ้อโกงประชาชน เนื่องจากพบว่าหลายคดีผู้ต้องหามีการถ่ายโอนทรัพย์สินและเปลี่ยนรูปแบบมาหลอกผู้เสียหายให้ไปร่วมลงทุน ซึ่งทางเพจสายไหมต้องรอดได้รับการร้องเรียนคดีฉัอโกงกว่า 50 เรื่องต่อวัน