ครึ่งประเทศ! กว่า 12 ล้านคนในออสเตรเลียรับผลปิดล็อกดาวน์ บริสเบนถูกสั่งปิดเป็นเมืองที่ 4 รับสายพันธุ์เดลต้าระบาด

400
0
Share:

มุขมนตรีรัฐควีนสแลนด์ ออสเตรเลีย ประกาศมาตรการปิดล็อกดาวน์เมืองหลวง บริสเบน เพื่อควบคุมและป้องกันการระบาดของโรคโควิด-19 ที่กำลังแพร่กระจายด้วยสายพันธุ์เดลต้า หรืออินเดีย การประกาศมาตรการปิดล็อกเมืองบริสเบนในครั้งนี้ ประชาชนในเมืองบริสเบนต้องอาศัยอยู่ในบ้านที่พักอาศัยเท่านั้น ยกเว้นในกรณีไปซื้อหาสินค้าที่จำเป็นจริงๆเพื่อการดำรงชีวิต และอนุญาตให้ออกกำลังกายได้เพียง 3 วันเท่านั้น

เมืองบริสเบนแห่งรัฐควีนส์แลนด์จึงกลายเป็นเมืองลำดับที่ 4 ต่อจากเพิร์ท ซิดนีย์ และดาร์วิน ที่ถูกใช้มาตรการปิดล็อกเมืองทั้งหมด ส่งผลให้บรรยากาศในเมืองใหญ่ทั้ง 4 เมืองตกอยู่ในความวังเวง และเงียบเหงาในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา

สำหรับมาตรการปิดล็อกเมืองในรัฐขนาดใหญ่ของออสเตรเลีย ส่งผลกระทบต่อประชาชนชาวอออซี่มากกว่า 12 ล้านคน ซึ่งเท่ากับเกือบครึ่งหนึ่งของประชาชนทั้งประเทศ มีสาเหตุจากพบการระบาดเกิดขึ้นเมื่อกลางเดือนมิถุนายน โดยพบผู้ติดเชื้อที่เมืองดาร์วินเป็นแห่งแรก หลังจากนั้น เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้เกิดการแพร่ลุกลามไปอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้มีจำนวนผู้ติดเชื้มเพิ่มสูงขึ้นเป็นกว่า 130 คนภายในระบะเวลา 2 สัปดาห์ มีการตรวจพบการติดเชื้อแบบกลุ่ม หรือคลัสเตอร์เกิดขึ้นในซิดนีย์ ที่สำคัญ ตรวจพบว่าเป็นเชื้อไวรัสกลายพันธุ์เดลต้า หรืออินเดียซึ่งแพร่ระบาดได้ง่ายและเร็วมาก

นอกจากนี้ รัฐบาลออสเตรเลียนำโดยนายกรัฐมนตรี นายสก๊อต มอร์ริสัน กำลังถูกโจมตีจากฝ่ายการเมือง และประชาชนชาวออสเตรเลียว่ามีความประมาท ในการรับมือการแพร่ระบาดของเชื้อกลายพันธุ์เดลต้า และสำคัญที่สุด คืออัตราการกระจายและเร่งฉีดวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 ที่ต่ำมากเมื่อเปรียบเทียบกับเป้าหมาย จนถึงวันนี้ 30 มิถุนายน 2564 ประชากรออสเตรเลียราว 5% หรือกว่า 1.25 ล้านคนจากทั้งหมด 25 ล้านคนเท่านั้น ที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 โดส

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ประชากรชาวออสเตรเลียบางส่วนปฏิเสธที่รับการฉีดวัคซีนที่รัฐบาลดำเนินการฉีดให้ สาเหตุจากความกลัว และกังวลกับผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นหลังรับการฉีด เนื่องจากมีกรณีแพ้วัคซีนอย่างรุนแรงเกิดขึ้น

ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข ออสเตรเลีย รายงานว่า ในรอบ 24 ชั่วโมงผ่านมาถึงวันนี้ 30 มิถุนายน 2564 พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 25 ราย ส่งผลจำนวนติดเชื้อสะสมเป็น 30,544 ราย และไม่พบผู้เสียชีวิตรายใหม่ ทำให้ยอดเสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 910 ราย