คลังเชื่อมาตรการหักลดหย่อนภาษีไม่จูงใจการท่องเที่ยว

830
0
Share:

นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือ สศค. ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการหารือเพื่อหาข้อสรุปรวมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. เกี่ยวกับการดำเนินมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยเบื้องต้นจะต้องสรุปแนวทางการดำเนินงานทั้งหมดให้ได้ภายในสัปดาห์นี้ เพื่อเสนอให้คณะกรรมการกลั่นกรองโครงการใช้เงินกู้ พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ที่มีเลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสภาพัฒน์ เป็นประธาน เพื่อพิจารณาวงเงินงบประมาณที่จะใช้ดำเนินการต่อไป เพื่อให้มาตรการเริ่มมีผลใช้ได้ภายในเดือน ก.ค. 2563 เพื่อเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ
.
โดยแนวทางอันดับแรก คือ การส่งเสริมให้บุคลากรทางการแพทย์ และอาสาสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) จำนวนกว่า 1.2 ล้านคน ได้เดินทางท่องเที่ยว ซึ่งในส่วนนี้เป็นไปตามที่ ททท. เสนอมา ส่วนแนวทางเรื่องการแจกเงิน หรือการแจกวอชเชอร์ ซึ่งเป็นอีกข้อเสนอของ ททท. นั้น ยังไม่มีการสรุปในขณะนี้ เพราะต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบว่าแต่ละแนวทางที่ดำเนินการมีทั้งข้อดี ข้อเสีย และการดำเนินการจะต้องมีความคุ้มค่า และเป็นไปตามเป้าหมายคือการกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวภายในประเทศอย่างแท้จริง
.
ส่วนวงเงินที่ใช้ในมาตรการครั้งนี้อาจจะมากกว่า 1 หมื่นล้านบาท แต่จะเป็นเท่าไหร่นั้น ยังอยู่ระหว่างการหาข้อสรุปว่าต้องการจะออกมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวที่มีผลมากน้อยขนาดไหน
.
ส่วนข้อเสนอของภาคเอกชนที่อยากให้พิจารณามาตรการหักลดหย่อนภาษี โดยตามข้อเสนออยากให้มีการหักลดหย่อนมากกว่า 15,000 บาท อาจเป็น 50,000 บาทนั้น คงต้องมาพิจารณาถึงความเหมาะสม และคุ้มค่าด้วย เพราะมองว่ามาตรการทางภาษีอาจจะไม่มีผล หรือมีแรงจูงใจมากเพียงพอที่จะกระตุ้นให้ประชาชนออกไปท่องเที่ยว เพราะการคืนภาษีตามมาตรการทำได้ช้า
.
แต่อยู่ระหว่างการพิจารณาในการนำแนวทางการของมาตรการแคชแบ็คมาใช้ในการกระตุ้นการท่องเที่ยว คือ เมื่อมีการไปเที่ยวและมีการใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการท่องเที่ยว รัฐบาลก็จะมีการจ่ายเงินแคชแบ็คกลับคืนให้ประชาชนทันที ซึ่งมองว่าแนวทางนี้น่าจะได้ผลดีมากกว่า ส่วนจะคืนจำนวนเท่าไหร่ ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา เพื่อเสนอคณะกรรมการกลั่นกรองฯ และเสนอให้คณะรัฐมนตรี พิจารณาต่อไป