คาดสหรัฐขึ้นดอกเบี้ยแรงอีก 0.75% เดือน พ.ย. จ่อทำสถิติใหม่ยาวนานครั้งประวัติศาสตร์

302
0
Share:
คาด สหรัฐ ขึ้น ดอกเบี้ย แรงอีก 0.75% เดือน พ.ย. จ่อทำสถิติใหม่ยาวนานครั้งประวัติศาสตร์

ธนาคารโกลด์แมน แซคส์ เปิดเผยว่า ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด จะปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นอีก 0.75% ในการประชุมวันที่ 1-2 พฤศจิกายน และปรับขึ้นอีก 0.5% ในการประชุมวันที่ 13-14 ธันวาคมนี้ ซึ่งคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวจะขึ้นสูงสุดระหว่าง 4.00%-4.25% นอกจากนี้ เมื่อถึงปี 2023 เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยดังกล่าวในการประชุมเดือนกุมภาพันธ์อีก 0.25% ซึ่งคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวจะขึ้นสูงสุดระหว่าง 4.50%-4.75%

ธนาคารแบงค์ ออฟ อเมริกา หรือ BOA เปิดเผยว่า ทีมนักเศรษฐศาสตร์ได้ประเมินแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟดในการประชุมที่เหลืออีก 2 ครั้งของปีนี้ โดยคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยดังกล่าวอีก 0.75% ในการประชุมวันที่ 1-2 พฤศจิกายน และปรับขึ้นอีก 0.5% ในการประชุมวันที่ 13-14 ธันวาคมนี้ นอกจากนี้ เมื่อถึงปี 2023 เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ในช่วงต้นปีหน้า ส่งผลให้แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดจะพุ่งทะยานไปอยู่ที่ระหว่าง 4.75% ถึง 5.00%

ธนาคารกลางบาร์เคลย์ส เป็นธนาคารชื่อดังในอังกฤษ เปิดเผยว่า คาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดจะเพิ่มขึ้นอีก 1.50% จากอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวในปัจจุบันที่อยู่ระหว่าง 3.00-3.25% นอกจากนี้ เมื่อถึงต้นปี 2023 คาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะขึ้นไปอยู่ระหว่าง 4.50%-4.75%

ด้านสถาบันการเงิน ไพเปอร์ แซนเดอร์ แอนด์ โค เปิดเผยว่า เฟดมีแนวโน้มจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอีก 0.75% และ 0.5% ในเดือนพฤศจิกายน และเดือนธันวาคมของปีนี้ตามลำดับ สอดรับกับหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ บริษัทหลักทรัพย์ แอมเฮิร์ทซ เพียร์ปองท์ นายสตีเฟ่น สแตนลีย์ เปิดเผยว่า อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดสุดท้ายจะขึ้นไปแตะที่ระดับ 5.25%

ด้านภาวะการว่างงานในสหรัฐอเมริกาที่เริ่มขยับเพิ่มขึ้นจากผลพวงของภาวะเงินเฟ้อพุ่งสูฃในรอบ 40 ปี และการเร่งขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดที่รุนแรงและรวดเร็วนั้น หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์สหรัฐอเมริกา บลูมเบิร์ก นางสาวแอนนา วอง กล่าวว่า ถ้าหากเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยดังกล่าวขึ้นไปถึงระดับสูงสุดที่ 4.5% จะส่งให้ประชาชนชาวอเมริกันตกงานราว 1.7 ล้านคน แต่ถ้าหากปรับขึ้นเป็น 5.00% ประชาชนชาวอเมริกันจะตกงานสูงกว่า 2 ล้านคน