“คาราบาวแดง” รับต้นทุนพุ่ง แต่ยังตรึงราคาเครื่องดื่มราคาเดิม ช่วยคนไทยลดค่าครองชีพ

นายกมลดิษฐ สมุทรโคจร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ท่ามกลางสถานการณ์ค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้น จากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และสภาพของเศรษฐกิจ รวมไปถึงต้นทุนการผลิตสินค้าที่สูงขึ้น จนทำให้หลายๆ แบรนด์ต้องปรับราคาสินค้าให้ขึ้นตามไปด้วย “คาราบาว” ก็ประสบกับภาวะต้นทุนการผลิตสูงขึ้นเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนด้านพลังงาน ต้นทุนวัตถุดิบ เช่น น้ำตาล ต่างก็ปรับราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม “คาราบาว” ที่มีโรงงานผลิตของตัวเองอย่างครบวงจร มีหน่วยงานดูแลธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำจรดปลายน้ำ ทำให้สามารถควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายและยืนราคาขายปลีกได้ที่ 10 บาทเท่าเดิม เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพของคนไทย และยังเป็นการตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่หันมาให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพมากยิ่งขึ้น

“ท่ามกลางเครื่องดื่มชูกำลังแบรนด์อื่นๆ ที่ทยอยปรับราคา แต่เราขอสู้ต่อไป เพื่อให้คนไทยได้ดื่มคาราบาวในราคา 10 บาทไว้ให้ได้นานที่สุดจนกว่าจะคงราคาเดิมไม่ไหว” นายกมลดิษฐกล่าว

สำหรับผลประกอบการของ “คาราบาวกรุ๊ป” หรือ CBG แม้รายได้จากการขายปี 2565 จะเติบโต 11% มีมูลค่า 19,215 ล้านบาท แต่ “กำไรสุทธิ” ลดลงถึง 21% หรือสร้างความมั่งคั่งได้ 2,286 ล้านบาท จากปีก่อนกำไรสุทธิ 2,881 ล้านบาท ซึ่งสาเหตุหลักเกิดการเพิ่มขึ้นของต้นทุนวัตถุดิบและหีบห่อหลัก ตลอดจนต้นทุนพลังงานที่ใช้ในกระบวนการผลิตปรับตัวสูงขึ้น” บริษัทให้เหตุผลในรายงานตลาดหลักทรัพย์ฯ

ขณะที่ยอดขายสินค้าในปี 2565 มีทั้งหมวดหมู่ที่ฟื้นตัวและยังชะลอลง อย่างการขายสินค้าภายใต้แบรนด์ของบริษัท ทำเงิน 12,591 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 0.2% โดยตลาดต่างประเทศคือตัวพยุง ส่วนการรับจ้างจำหน่าย 5,350 ล้านบาท เติบโต 50% เพราะประสิทธิภาพการขายผ่านรถเงินสด สินค้าหลากหลาย เป็นต้น ส่วนรายได้อื่น เช่นการผลิตบรรจุภัณฑ์ขวดแก้วป้อนลูกค้านอกเครือ 807 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20%