จ่อเต็มเพดาน! นักเศรษฐศาสตร์มอง 3 นโยบายหลักรัฐบาล ดันหนี้สาธารณะไทยชน 70% ของจีดีพี

223
0
Share:
จ่อเต็มเพดาน! นักเศรษฐศาสตร์มอง 3 นโยบาย หลักรัฐบาล ดัน หนี้สาธารณะ ไทยชน 70% ของจีดีพี

สายงานวิจัย KKP Research กลุ่มธุรกิจหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร เปิดเผยว่า ผลจากการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2 ที่อ่อนแอกว่าคาดการณ์นั้น ทำให้ KKP Research ปรับลดตัวเลขประมาณการณ์เศรษฐกิจไทยปี 2566 ลงจาก 3.3% เป็น 2.8% และในปี 2567 ปรับลดลงจาก 3.6% เป็น 3.3%

นอกจากนี้ ข้อสังเกตเกี่ยวกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ 3 อย่างที่จะได้รับการผลักดันทันทีภายในระยะเวลา 1 ปีแรก ประกอบด้วย นโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท ซึ่งมีต้นทุนประมาณ 550,000 ล้านบาท ถ้าทำได้จริง ประเมินว่าจะทำให้การขยายตัวของเศรษฐกิจไทย หรือจีดีพีในปี 2567 เพิ่มขึ้นประมาณ 1-1.2% จากประมาณการในปัจจุบัน

นโยบายพักหนี้เกษตรกร ซึ่งอาจมีต้นทุนราว 20,000 ล้านบาท และนโยบายลดค่าครองชีพ โดยเฉพาะค่าไฟฟ้า และลดค่าน้ำมันดีเซล เป็นที่น่าสังเกตว่านโยบายหลักเป็นนโยบายลดแลกแจกแถม มากกว่านโยบายปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ

ด้านข้อจำกัดทางการคลังถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญในความสามารถของรัฐบาลใหม่จะดำเนินการได้มากน้อยเพียงใด ปัจจุบันมีวงเงินที่รัฐบาลสามารถกู้เพิ่มจากเพดานการกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลตาม พรบ. การบริหารหนี้สาธารณะ หรือใช้ผ่านรัฐวิสาหกิจ ตามกรอบวงเงินภาระทางการคลังตามมาตรา 28 ของ พรบ. วินัยการเงินการคลังได้อีกไม่มากนัก

แม้ว่าระดับหนี้สาธารณะที่อยู่ 61% ของจีดีพี ซึ่งต่ำกว่าเพดานหนี้ที่ 70% ของจีดีพี แต่มีความจำเป็นต้องพิจารณาถึงความคุ้มค่าของการใช้เงิน และความยั่งยืนทางการคลังในระยะยาว

ด้านการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมไทยมีถึง 16% ของการจ้างงานทั้งหมด ซึ่งเป็นภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบจากการส่งออกที่ชะลอตัวหนักต่อเนื่อง ส่วนภาคบริการด้านการท่องเที่ยวที่อาจได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวโดยตรง มีเพียง 11% ดังนั้น ผลกระทบส่งต่อการบริโภคในไทย ประกอบด้วย เครื่องชี้การบริโภคหลายตัวมีทิศทางชะลอลง แม้การบริโภคในจีดีพี จะขยายตัวได้ดี แต่ตัวชี้วัดอื่น ๆ ด้านการบริโภคยังไม่ได้ฟื้นตัวได้ดีมากนัก ได้แก่ ตัวเลขยอดค้าปลีกของบริษัทขนาดใหญ่ที่มีทิศทางชะลอตัวลง หรือภาษีที่เก็บได้จากภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ที่ปรับตัวลดลง