ชี้เป้ารุ่ง! เปิด 3 กลุ่มธุรกิจขาขึ้นรุ่งแรง ตู้กดหรือรูดเงินอัตโนมัติ ขายรถไฟฟ้า ท่องเที่ยวสายสุขภาพ

172
0
Share:

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า ในปี 2567 และต่อๆ ไป ท่องเที่ยวสุขภาพการแพทย์ทางไกล ธุรกิจปล่อยคาร์บอนต่ำ ตู้กดสินค้าอัตโนมัติ เป็น 3 ธุรกิจรุ่ง ได้แก่ การท่องเที่ยวสุขภาพ คาดรายได้จากคนไข้ Medical tourism เติบโต 8-10% ในปี 2567 สอดคล้องไปกับการฟื้นตัวต่อเนื่องของตลาดต่างชาติเที่ยวไทยและการเดินทางระหว่างประเทศ นอกจากนี้ การแพทย์ทางไกล (Telehealth) ก็คาดว่าจะเติบโตสูงราว 17% ต่อปี4  สอดคล้องไปการพัฒนาระบบเทคโนโลยีในการให้บริการด้านสาธารณสุข และค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของคนไทยที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามการก้าวเข้าสู่สังคมสูงอายุเต็มรูปแบบในปี 2572

ถัดมาเป็นธุรกิจปล่อยคาร์บอนต่ำ ครอบคลุมหลายหมวดหมู่ ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์ไฟฟ้า การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนอย่างโซลาร์รูฟท็อป ตลาดคาร์บอนเครดิต ตลาดซื้อขายใบรับรองไฟฟ้าสีเขียว การตรวจวัดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กรและผลิตภัณฑ์ เป็นต้น โดยประเมินว่า ในปี 2567 ส่วนแบ่งตลาดของยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าต่อรถยนต์รวมอาจเพิ่มเป็นไม่ต่ำกว่า 10% ขณะที่สัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนอาจขยับขึ้นเป็น 15-20% เทียบกับ 13% ในปี 2565

สุดท้าย คือ ตู้กดสินค้าอัตโนมัติ คาดรายได้ผู้ประกอบการตู้กดสินค้าอัตโนมัติอาจขยายตัวราว 8-10% ในปี 2567 โดยการติดตั้งจะยังเน้นไปในทำเลที่มีผู้คนสัญจรหนาแน่น ครอบคลุมสินค้าที่หลากหลายมากขึ้น เช่น เครื่องดื่ม อาหาร สินค้าในชีวิตประจำวัน เป็นต้น สอดคล้องไปกับไลฟ์สไตล์ที่ต้องการความสะดวกสบายของผู้บริโภคยุคใหม่ในเขตเมือง

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า 3 เทรนด์แรงที่ธุรกิจไม่ควรพลาด เพื่อสร้างโอกาสเพิ่มรายได้ในระยะข้างหน้า ได้แก่ Grow Green รับโลกเดือด จากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสุดขั้ว ทำให้ผู้บริโภค องค์กรธุรกิจ และทางการทั่วโลกรวมถึงในประเทศไทยต้องเร่งปรับตัวขนานใหญ่ เพราะมนุษย์ในยุคนี้น่าจะเป็นกลุ่มสุดท้ายแล้วที่จะสามารถหยุดยั้งผลกระทบเรื่องนี้ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป ขณะที่ ไทยติดอันดับต้นๆ ของโลกที่มีความเสี่ยงด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 1 และในปี 2567 ทางการจะออกกฎหมายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและจัดเก็บภาษีคาร์บอนกับธุรกิจที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูง ควบคู่กับการให้แรงจูงใจต่อธุรกิจที่มุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ต่ำลง

Grow Wellness รับสังคมสูงวัย ด้วยผู้สูงอายุในต่างประเทศและในไทยมีแนวโน้มเพิ่มจำนวนขึ้นรวดเร็ว ประกอบกับแทบทุกวัยหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพในเชิงป้องกันมากขึ้นหลังการระบาดโควิด ซึ่งปัจจุบัน Wellness Economy ของไทยถูกประเมินว่า น่าจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1 ล้านล้านบาท2 และยังมีแนวโน้มเติบโต ขณะที่ ผู้บริโภคยุคใหม่หันมาให้ความสำคัญกับการมีความสุขกับปัจจุบันและแสวงหาไลฟ์สไตล์ที่ผ่อนคลายจากความตึงเครียดรอบด้าน โดยผู้ที่มีอาการของโรคซึมเศร้า นอนไม่หลับ ออฟฟิศซินโดรม ไมเกรน กรดไหลย้อน เป็นต้น มีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ

Grow Digital รับโลกไร้พรมแดน แม้ผู้คนกลับมาใช้ชีวิตและทำกิจกรรมนอกบ้านหลังโควิดคลี่คลาย แต่การใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัลจะยังเติบโต จากการที่ผู้บริโภคทุกช่วงวัย ไม่เฉพาะคนรุ่นใหม่ มีความคุ้นเคยและสะดวกที่จะใช้งาน สะท้อนผ่านสัดส่วนปริมาณธุรกรรมการชำระเงินออนไลน์ของคนไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาอยู่ที่ 94% ของปริมาณธุรกรรมการชำระเงินผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งหมด3 ขณะเดียวกัน ฟากผู้ให้บริการก็มีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ อยู่เสมอ โดยเฉพาะเทรนด์การประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ที่กำลังมาแรง