ซีอีโอเจพีมอร์แกนชี้ดอกเบี้ยสหรัฐต้องสูงกว่า 5% ผู้ว่าการธ.กลางสหรัฐย้ำขึ้นดอกเบี้ย

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ นายเจมี ดีม่อน ธนาคารเจพี มอร์แกน เชส แอนด์ โค ในสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า ขณะนี้ปัญหาเงินเฟ้อในสหรัฐอเมริกายังคงมีปัจจัยแทรกซ้อนหลายอย่าง ทำให้อัตราเงินเฟ้อที่ลดลงก็จริง แต่ยังคงไม่สามารถลดลงให้เข้าเป้าหมายได้เร็วอย่างที่ต้องการ ส่วนตัวมองว่าอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา จะต้องปรับเพิ่มขึ้นสูงกว่าระดับ 5% ในปีนี้ ซึ่งในปัจจุบันนี้ อัตราดอกเบี้ยดังกล่าวอยู่ระหว่าง 4.25% ถึง 4.50% สูงสุดในรอบ 15 ปี

ตัวเลขเงินเฟ้อที่ลดลงในช่วงที่ผ่านมา เป็นการลดลงเพียงชั่วคราวจากปัจจัยชั่วคราวด้วย เช่น ราคาน้ำมันดิบที่ลดลงบ้าง และภาวะเศรษฐกิจจีนแผ่นดินใหญ่ที่ซบเซาอย่างมากในช่วงที่ผ่านมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ในเวลาเดียวกัน ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด สาขานิวยอร์ก นายจอห์น วิลเลียม กล่าวว่า เฟดต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นสูงขึ้นอีก และสัญญาณของภาวะเงินเฟ้อสหรัฐอเมริกาอาจลดต่ำลงจากระดับอัตราดอกเบี้ยของเฟดที่ต้องอยู่ในระดับสูง

ขณะนี้ อัตราเงินเฟ้อที่ลดลงแต่ยังคงอยู่ในระดับสูง ประกอบกับภาวะความไม่สมดุลย์ของความต้องการและปริมาณผลิตในระบบเศรษฐกิจ จึงทำให้เป็นที่ชัดเจนว่า การปรับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดจึงยังต้องทำต่อไปเพื่อที่จะลดเงินเฟ้อให้กลับเข้าสู่ระดับ 2% อย่างยั่งยืน

ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด สาขานิวยอร์ค นายจอห์น วิลเลียม ซึ่งเป็นรองประธานกรรมการของคณะกรรมการนโยบายการเงินเฟดด้วยนั้น คาดการณ์ว่า เงินเฟ้อจะลดลงมาที่ระดับ 3% ในสิ้นปีนี้ และจะกลับเข้าสู่เป้าหมายที่ 2% ในอีก 2-3 ปีหลังจากปีนี้