ดอกทะลุฟ้า! ธนาคารยักษ์ใหญ่แห่ปรับเป้าดอกเบี้ยเฟดใหม่ขึ้นเกือบ 6%

ธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์ และสถาบันการเงินชื่อดังระดับโลกจำนวนมากคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด อาจปรับขึ้นไปเรื่อยๆจนอยู่เหนือระดับ เกือบ 6% ภายในปี 2566 และหลังจากนั้นเฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวที่เหนือกว่า 5% ไปตลอดทั้งปี 2566 เพื่อกดดันอัตราเงินเฟ้อให้กลับเข้าสู่เป้าหมายเดิมที่ระดับ 2% ซึ่งในขณะนี้อยู่สูงกว่า 3 เท่า

เริ่มจากนักเศรษฐศาสตร์โนมูระ กรุ๊ป เปิดเผยว่า ได้ปรับขึ้นเป้าหมายดอกเบี้ยระยะสั้นธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาหรือเฟดขั้นสุดท้ายจากเดิมที่ระหว่าง 5.25%-5.50% ขึ้นเป็น 5.50%-5.75% และคาดว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ในการประชุมช่วงใกล้กลางเดือนธันวาคมนี้

ทีดี ซิคเคียวริตี้ ปรับเพิ่มเป้าหมายดอกเบี้ยระยะสั้นธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาหรือเฟดขั้นสุดท้ายจากเดิมที่ระหว่าง 4.75%-5.00% ขึ้นเป็น 5.25%-5.50% และคาดการณ์ว่ารอบการประชุมครั้งสุดท้ายในปีนี้ระหว่าง 13-14 ธันวาคม เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50% นักเศรษฐศาสตร์

ธนาคารบีเอ็นพี พาริบาร์ กลับมองว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นในเดือนธันวาคมอีก 0.75% ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 5 และปรับขึ้นดอกเบี้ยมาอยู่ที่ 5.25% ในไตรมาส 1 ปีหน้า ด้านธนาคารบาร์เคลย์ส เปิดเผยว่าเป้าหมายดอกเบี้ยขั้นสุดท้ายดังกล่าวจะขึ้นไปอยู่ที่ 5.00%-5.25% และธนาคารแบงก์ ออฟ อเมริกา คาดว่าอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวสูงสุดจะขึ้นไปอยู่ระหว่าง 4.75%-5.00% ในปี 2566

สาเหตุจากธนาคารพาณิชย์แทบทุกแห่งล้วนกลับมาให้น้ำหนักและปรับมุมมองใหม่ต่อการส่งสัญญาณของประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาในคืนที่ผ่านมา หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวลล์ กล่าวอย่างชัดเจนว่า ยังไม่ถึงเวลาที่จะพูดถึงการชะลอปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้น และอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวดูเหมือนว่าจะสูงขึ้นมากกว่าที่เคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ การประชุมตัดสินใจเกี่ยวกับดอกเบี้ยระยะสั้นยังคงมีเส้นทางที่ต้องดำเนินการต่อไป นอกจากนี้ ข้อมูลที่กำลังมาเรื่อยๆนั้น นับตั้งแต่การประชุมครั้งสุดท้ายก่อนจะถึงคืนผ่านมา ได้บอกให้รู้ว่า อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นสุดท้ายจะเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้