ดอกเบี้ยพุ่งต่อ ไทยพาณิชย์คาดเฟดยังขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งส่งท้ายปี 65 เงินเฟ้อยังสูง

261
0
Share:
ดอกเบี้ยพุ่งต่อ ไทยพาณิชย์ คาด เฟด ยังขึ้น ดอกเบี้ย อีก 2 ครั้งส่งท้ายปี 65 เงินเฟ้อยังสูง

ดร.กำพล อดิเรกสมบัติ ผู้อำนวยการอาวุโสและหัวหน้าทีม SCB Chief Investment Office หรือ SCB CIO ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตัวเลขเศรษฐกิจเริ่มได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อสูงยืดเยื้อและดอกเบี้ยขาขึ้น แต่ยังไม่มากพอที่จะทำให้ธนาคารกลางส่งสัญญาณชะลอการขึ้นดอกเบี้ย อ้างอิงจากรายงาน World Economic Outlook ล่าสุดของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF ระบุว่า เศรษฐกิจภาพรวมของโลกยังมีแนวโน้มได้รับผลกระทบผ่านกำลังซื้อที่ลดลงจากเงินเฟ้อ รวมถึงการตึงตัวของภาคการเงินรวมถึงในหลายประเทศอาจต้องเผชิญภาระหนี้ที่มากขึ้น ซึ่งจะกระทบต่อภาคการค้าและการลงทุน รวมถึงโมเมนตัมการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะกลาง

ในส่วนของแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อ SCB CIO คงมุมมองว่า อัตราเงินเฟ้อในหลายประเทศยังอยู่ในระดับสูง การชะลอลงเป็นไปอย่างช้าๆ เนื่องจากเงินเฟ้อพื้นฐาน (ไม่รวมราคาพลังงานและอาหารสด) ลดลงช้ามากจากปัจจัยอุปทานที่ยังโตไม่ทันปัจจัยอุปสงค์โดยเฉพาะในภาคบริการ

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจในหลายประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่เกี่ยวข้องกับภาคอสังหาริมทรัพย์เริ่มส่งสัญญาณชะลอตัว แต่ยังไม่มากพอที่จะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด ส่งสัญญาณชะลอการขึ้นดอกเบี้ย หรือ Slower rate hikes

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันค้าปลีกเฉลี่ยของสหรัฐฯ ในเดือนตุลาคมที่กลับมาปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้มีแนวโน้มที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปยังอยู่ในระดับสูงและลงช้า SCB CIO ประเมินว่า เฟดจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ย 75 bps ต่อครั้งในการประชุมเดือน พ.ย. และเดือน ธ.ค. 65

ด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรยังคงอยู่ในระดับสูง(ราคาพันธบัตรลดลง) จากแรงกดดันของเงินเฟ้อยังคงยืดเยื้อ ความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยที่สูงขึ้นทำให้ spread อัตราผลตอบแทนพันธบัตร ยังคงสูงขึ้นโดยเฉพาะกลุ่ม High Yield ขณะที่ตลาดหุ้นยังรอการประเมินผลของเงินเฟ้อและดอกเบี้ยต่อผลประกอบการไตรมาส 3 รวมถึงสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบช้าลงของเฟด โดยอัตราเงินเฟ้อถึงแม้จะผ่านจุดสูงสุดแล้ว แต่ยังคงปรับตัวลดลงช้าในปี 2022 นี้ จะทำให้การส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยช้าลงน่าจะมีความชัดเจนมากขึ้นในช่วงต้นปี 2023

นอกจากนี้ ผลประกอบการและ guidance จากบริษัทต่างๆ ในช่วงไตรมาส 3 จะเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะบอกได้ว่า ตลาดหุ้นที่มีการปรับตัวลงมาค่อนข้างมากจะเป็นกับดักทางมูลค่า หรือ valuation trap หรือไม่นั้น

สำหรับค่าเงินบาท SCB CIO ประเมินว่าจากสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยช้าลงที่ยังไม่ชัดเจน จะยังทำให้ ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ (DXY) ยังคงอยู่ในระดับสูง และเป็นแรงกดดันหลักต่อค่าเงินในกลุ่ม EMs รวมถึงเงินบาท บวกกับแนวโน้มการยกเลิก Zero Covid Policy ของจีนที่คาดว่าจะถูกเลื่อนออกไปจนถึงไตรมาส 2/2023 จะทำให้การฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีนและดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยถูกเลื่อนออกไปด้วย จึงปรับการคาดการณ์ค่าเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นปี 2022 เป็น 36-37 และ สิ้นปี 2023 เป็น 34-35