เศรษฐกิจจีนย่ำแย่ เงินทุนต่างชาติติดปีกไหลออกจากจีนมากสุดในรอบกว่า 7 ปี

องค์กรกำกับดูแลอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศแห่งชาติ จีนแผ่นดินใหญ่ หรือ SAFX เปิดเผยว่า ในเดือนสิงหาคมผ่านมา ปริมาณเงินทุนต่างประเทศที่ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์และตลาดอัตราแลกเปลี่ยนรวมกันไหลออกมากถึง 49,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1.76 ล้านล้านบาท ส่งผลทำสถิติเงินทุนต่างประเทศไหลออกจากตลาดทุนและตลาดเงินจีนแผ่นดินใหญ่ครั้งใหญ่ในรอบ 7 ปี 7 เดือนกว่า หรือนับตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2015 นอกจากนี้ ในจำนวนดังกล่าว พบว่ามีถึง 29,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1.04 ล้านล้านบาท เป็นเงินทุนต่างชาติที่ไหลออกจากตลาดหลักทรัพย์จีนแผ่นดินใหญา หรือราว 59% ของเงินทุนต่างประเทศไหลออกในเดือนสิงหาคมปีนี้

นอกจากนี้ เมื่อเดือนสิงหาคมผ่านมา นักลงทุนต่างชาติในตลาดตราสารหนี้ของจีนแผ่นดินใหญ่ ได้เทขายตราสารหนี้ หรือหุ้นกู้เอกชนที่ลงทุนไว้ออกมาอย่างต่อเนื่องทำสถิติต่ำสุดในรอบ 4 ปี ท่ามกลางการเทขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์จีนแผ่นดินใหญ่ ไม่นับรวมตบาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ในเดือนเดียวกันมากถึง 12,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 432,000 ล้านบาท ทำสถิติมากเป็นประวัติการณ์

สำหรับค่าเงินหยวนจีนเทียบเงินดอลลาร์สหรัฐ ไม่ว่าจะเป็นเงินหยวนซื้อขายในประเทศ และซื้อขายในตลาดต่างประเทศ ล้วนร่วงอ่อนค่ามากกว่า 5% ตั้งแต่ต้นปีนี้ ส่งผลเป็นค่าเงินที่ให้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่ย่ำแย่อันดับ 2 หรือรองสุดท้ายในตลาดอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย ในขณะที่ค่าเงินริงกิตมาเลเซียกลายเป็นค่าเงินที่ย่ำแย่มากที่สุดในตลาดเดียวกัน

ด้านตัวเลขเศรษฐกิจจีนแผ่นดินใหญ่ในระดับมหภาค หรือในภาพรวม ล้วนมีภาวะชะลอตัวอย่างมาก ได้แก่ ยอดการลงทุนทางตรง หรือ FDI ในเดือนสิงหาคม ลดลงจากเป้าหมายถึง 16,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 604,800 ล้านบาท ทำสถิติยอดลงทุนทางตรงที่ย่ำแย่ที่สุดในรอบ 7 ปีกว่า หรือตั้งแต่ต้นปี 2015 เป็นต้นมา

สาเหตุจากสภาพเศรษฐกิจจีนแผ่นดินใหญ่ในปีนี้ที่ตกต่ำอย่างต่อเนื่อง อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกากับธนาคารกลางจีนแผ่นดินใหญ่ที่มีส่วนต่างห่างมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เกิดผบกระทบรุนแรงกับค่าเงินหยวนเทียบเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเงินหยวนอ่อนค่าต่ำสุดในรอบ 16 ปี นักวิเคราะห์ประเมินว่า สถานการณ์เงินทุนต่างชาติไหลออกอย่างมากในรอบกว่า 7 ปี และอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนที่ค่าสุดในรอบ 16 ปี ยังไม่ถึงจุดต่ำสุด หรือจุดเปลี่ยนแปลง เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจจีนแผ่นดินใหญ่ยังคงไม่เห็นความชัดเจนในการฟื้นตัวแต่อย่างใด

ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2015 หรือกว่า 7 ปีผ่านมานั้น ค่าเงินหยวนเทียบเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงอย่างรุนแรง เนื่องจากรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ประกาศลดค่าเงินหยวน นอกจากนี้ ยังเกิดการตอบโต้ทางการค้าอย่างรุนแรงระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนแผ่นดินใหญ่ในยุคสมัยนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เหตุการณ์ในครั้งนั้น รัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ใช้นโยบายและมาตรการหลายอย่างในการฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์และตลาดเงินของจีนแผ่นดินใหญ่