ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ดิ่งหนักกว่า 300 จุด น้ำมันดิบโลกปิดกลับเพิ่มเหนือ 93 ดอลลาร์

268
0
Share:
ดัชนี หุ้น ดาวโจนส์ ดิ่งหนักกว่า 300 จุด น้ำมันดิบโลกปิดกลับเพิ่มเหนือ 93 ดอลลาร์

เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2565 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 31,318 จุด -337 จุด หรือ -1.07% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 3,924 จุด -42 จุด หรือ -1.07% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 11,630 จุด -154 จุด หรือ -1.31% ส่งผลให้ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ร่วงปิดต่ำสุดในรอบ 1 เดือนกว่า และดัชนีหุ้นนาสแดคดำดิ่งต่อเนื่องเป็นวันที่ 6 ติดต่อกันรวม -1,008 จุด ทำสถิติดัชนีหุ้นร่วงติดต่อกันยาวนานที่สุดในรอบ 3 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นมา ในสัปดาห์นี้ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดลงลึก -3.0%, -3.3% และ -4.2% ตามลำดับ ทำให้กลายเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกันที่ดัชนีหุ้นทั้ง 3 แห่งปิดลดลงต่อเนื่อง

ก่อนหน้านี้ ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 26 ถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2565 ดัชนีหุ้นดาวโจนส์และเอสแอนด์พี 500 ที่ดำดิ่งรวม 4 วันทำการติดต่อกัน โดยดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 2 แห่ง ดำดิ่งสะสมถึง -1,780 และ -243 จุด

นอกจากนี้ ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ในเดือนสิงหาคมลดลง -4.1% นับตั้งแต่ต้นปีนี้ทรุดลง -12.5% และนับจากสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ พบว่าดิ่งหนัก -14% ด้านดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ในเดือนสิงหาคมลดลง -4.2% นับตั้งแต่ต้นปีนี้ทรุดลง -16.4% และนับจากสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ พบว่าดิ่งหนัก -17.3% และดัชนีหุ้นนาสแดคในเดือนสิงหาคมลดลง -4.6% นับตั้งแต่ต้นปีนี้ทรุดลง -20.5% และนับจากสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ พบว่าดิ่งหนัก -26.7%

สาเหตุจากก๊าซพรอม รัฐวิสาหกิจพลังงานใหญ่ที่สุดในประเทศรัสเซียประกาศว่าไม่สามารถกลับมาเปิดการส่งออกก๊าซจากรัสเซียไปยังยุโรปได้จากเดิมที่จะต้องเปิดการส่งก๊าซในวันเสาร์นี้ กลายเป็นปัจจัยลบต่อนักลงทุนที่กลับมากังวลกับสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยุโรป

ขณะที่ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนสิงหาคมในสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้น 316,000 ราย ซึ่งลดต่ำกว่าที่คาดว่าจะจ้างงานเพิ่มขึ้น 318,000 ราย อัตราการว่างงานเดือนสิงหาคมกลับเพิ่มขึ้นจากระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3.5% มาเป็น 3.7%

ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนกรกฎาคม จำนวนจ้างงานดังกล่าวพุ่งสูงเกินความคาดหมายอย่างมากถึง 528,000 คน สำหรับอัตราการว่างงานคาดว่าจะเท่าเดิมที่ 3.5% และ อัตราจ้างงานรายชั่วโมงเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้นเป็น 0.4%

ตลาดซื้อขายสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า รายงานว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 86.87 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +0.26 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 93.02 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +0.66 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

ในสัปดาห์นี้ ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกทั้ง 2 แห่ง ดิ่งลงถึง -6.7% และ -7.9% ตามลำดับ

สาเหตุจากนักลงทุนคาดหวังการประชุมของกลุ่มโอเปกพลัสในวันที่ 5 กันยายนนี้ ที่ส่งสัญญาณว่าจะตัดลดกำลังการผลิต

ราคาทองคำล่วงหน้านิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,723 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +17.10 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +0.8% ในสัปดาห์นี้ ราคาทองคำตลาดโลกลดลง -1.5%

อย่างไรก็ตาม ไม่เพียงส่งผลให้เดือนสิงหาคมนั้น ราคาทองคำลดลง -3% แต่ยังทำให้เป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกันที่ราคาทองคำตลาดโลกลดลง ทำให้กลายเป็นราคาทองคำรายเดือนที่ตกต่ำยาวนานที่สุดในรอบ 4 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2018

ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนมีนาคม 2565 ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2020 หรือในรอบ 18 เดือน

สาเหตุจากดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงอ่อนค่าลง ด้านผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริการะยะสั้นอายุ 10 ปีกลับลดลง ซึ่งเป็นผลจากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนสิงหาคมในสหรัฐอเมริกาออกมาเป็นไปตามที่คาดไว้