ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดขึ้นกว่า 140 จุด น้ำมันดิบโลกปิดร่วงระนาวหลุด 87 ดอลลาร์

260
0
Share:
ดัชนี หุ้น ดาวโจนส์ ปิดขึ้นกว่า 140 จุด น้ำมันดิบโลกปิดร่วงระนาวหลุด 87 ดอลลาร์

เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2565 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 31,656 จุด +145 จุด หรือ +0.46% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 3,966 จุด +11 จุด หรือ +0.30% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 11,785 จุด -31 จุด หรือ -0.26%

ส่งผลให้หยุดดัชนีหุ้นดาวโจนส์และเอสแอนด์พี 500 ที่ดำดิ่งรวม 4 วันทำการติดต่อกัน โดยดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 2 แห่ง ดำดิ่งสะสมถึง -1,780 และ -243 จุด อย่างไรก็ตาม ดัชนีหุ้นนาสแดคกลับร่วงต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 ติดต่อกันรวม -852 จุด ทำสถิติดัชนีหุ้นร่วงติดต่อกันยาวนานที่สุดในรอบ 6 เดือน หรือนับตั้งแต่กุมภาพันธ์เป็นต้นมา

นอกจากนี้ ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ในเดือนสิงหาคมลดลง -4.1% นับตั้งแต่ต้นปีนี้ทรุดลง -12.5% และนับจากสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ พบว่าดิ่งหนัก -14% ด้านดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ในเดือนสิงหาคมลดลง -4.2% นับตั้งแต่ต้นปีนี้ทรุดลง -16.4% และนับจากสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ พบว่าดิ่งหนัก -17.3% และดัชนีหุ้นนาสแดคในเดือนสิงหาคมลดลง -4.6% นับตั้งแต่ต้นปีนี้ทรุดลง -20.5% และนับจากสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ พบว่าดิ่งหนัก -26.7%

สาเหตุจากนักลงทุนหวนกลับเข้าซื้อหุ้นที่มีราคาดำดิ่งอย่างรุนแรง แต่เป็นไปด้วยความระมัดระวัง นักลงทุนรอการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนสิงหาคมในสหรัฐอเมริกาที่คาดว่าจะจ้างงานเพิ่มขึ้น 318,000 ราย ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนกรกฎาคม จำนวนจ้างงานดังกล่าวพุ่งสูงเกินความคาดหมายอย่างมากถึง 528,000 คน สำหรับอัตราการว่างงานคาดว่าจะเท่าเดิมที่ 3.5% และ อัตราจ้างงานรายชั่วโมงเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้นเป็น 0.4%

ตลาดซื้อขายสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า รายงานว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 86.61 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -2.94 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -3.3% รวม 3 วันติดกันมีราคาลดลง 9.19 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 92.36 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -3.28 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -3.4% รวม 3 วันติดกันมีราคาลดลง 11.75 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

สาเหตุจากรัฐบาลจีนสั่งล็อกดาวน์นครเฉิงตูเมืองหลวงของมณฑลเสฉวน กระทบประชาชนกว่า 21 ล้านคน รวมถึงกระทบการทำงานของเอกชนทั้งหมด ตัวเลขกิจกรรมโรงงานเดือนสิงหาคมในจีนลดลง ดัชนีค่าเงินดอลลาร์พุ่งทะยานสูงในรอบ 20 ปีครั้งใหม่ วิกฤตภาวะเงินเฟ้อทั่วโลกกลายเป็นปัจจัยลบค่อราคาน้ำมันดิบตลาดโลก หลังจากมีการคาดการณ์ว่า เงินเฟ้อเดือนสิงหาคมในเยอรมนีซึ่งเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรปจะทำสถิติสูงสุดในรอบ 50 ปี นอกจากนี้ เงินเฟ้อในสหราชอาณาจักรในปี 2566 จะพุ่งทะยานเกิน 20% ขณะเดียวกัน ความไม่สงบในประเทศอิรัก ส่งผลกระทบต่อปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกพลัส

ราคาทองคำล่วงหน้านิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,705.90 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -20.30 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -1.9% ไม่เพียงส่งผลให้เดือนสิงหาคมนั้น ราคาทองคำลดลง -3% แต่ยังทำให้เป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกันที่ราคาทองคำตลาดโลกลดลง ทำให้กลายเป็นราคาทองคำรายเดือนที่ตกต่ำยาวนานที่สุดในรอบ 4 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2018

ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนมีนาคม 2565 ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2020 หรือในรอบ 18 เดือน

สาเหตุจากดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งสูงสุดในรอบ 20 ปีครั้งใหม่ ด้านผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริการะยะสั้นอายุ 10 ปีกลับพุ่งสูงเหนือระดับ 3% รอบใหม่ ซึ่งเป็นผลจากการแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาที่ไวโอมิ่ง ว่า จะยังคงปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นอย่างต่อเนื่องเพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อในสหรัฐอเมริกา