ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดขึ้นกว่า 170 จุด น้ำมันดิบโลกปิดพุ่งเฉียด 84 ดอลลาร์

183
0
Share:
ดัชนี หุ้น ดาวโจนส์ ปิดขึ้นกว่า 170 จุด น้ำมันดิบโลกปิดพุ่งเฉียด 84 ดอลลาร์

เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2565 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 33,203 จุด +176 จุด หรือ +0.53% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 3,844 จุด +22 จุด หรือ +0.59% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 10,497 จุด +21 จุด หรือ +0.21% ในสัปดาห์นี้ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดแตกต่างกัน โดย +0.9%, -0.2% และ -2.0% ตามลำดับ

สาเหตุจากตัวเลขรายจ่ายบริโภคส่วนบุคคลชาวอเมริกัน หรือ PCE เดือนพฤศจิกายนปรับเพิ่มขึ้นเพียงเบาบางเมื่อเทียบกับเดือนตุลาคม และเป็นตัวเลขที่เข้าเป้าหมายที่คาดไว้ โดยตัวเลข PCE ขั้นพื้นฐานเพิ่มขึ้นแตะระดับ 4.7% เหนือกว่าเป้าหมายที่ระดับ 4.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกากำลังใกล้สิ้นสุดปีนี้ พบว่าจะเป็นปีที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 14 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2008 เป็นต้นมา หรือตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจการเงินในสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ ยังเป็นปีที่ให้ผลตอบแทนการลงทุนติดลบจนทำให้ผลตอบแทนในช่วง 3 ปีติดกันก่อนหน้านี้เป็นศูนย์ โดยในปี 2022 จนถึงคืนผ่านมา 23 ธันวาคม ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ -8.67% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 -19.49% และดัชนีหุ้นนาสแดค -33.52% ส่งผลให้ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 เข้าสู่ภาวะปรับฐาน หรือ Correction และดัชนีหุ้นนาสแดคอยู่ในภาวะหมี หรือ Bear Market

นอกจากนี้ ในเดือนธันวาคมจนถึงคืนผ่านมา 23 ธันวาคม ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ -4.03% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 -5.80% และดัชนีหุ้นนาสแดค -8.59%

ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 79.56 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +2.07 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +2.7% ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 83.92 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +2.94 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +3.6% ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

ในสัปดาห์นี้ ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกปิดขึ้นแดนบวกเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน และทำสถิติราคาน้ำมันดิบรายสัปดาห์นี้ที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบเกือบ 2 เดือน หรือนับตั้งแต่ตุลาคมผ่านมา

สาเหตุจากรองนายกรัฐมนตรีรัสเซีย นายอเล็กซานเดอร์ โนวัค กล่าวว่าประเทศรัสเซียอาจลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบลงระหว่าง 5% ถึง 7% ในช่วงต้นปี 2023 เพื่อเป็นการตอบโต้ต่อมาตรการจำกัดเพดานราคาน้ำมันดิบรัสเซียที่ 60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลของโลกตะวันตก นอกจากนี้ การส่งออกน้ำมันดิบของรัสเซียในเดือนธันวาคมมีแนวโน้มสูงที่จะลดต่ำลงมากถึง 20% หลังจากถูกกลุ่มสหภาพยุโรป กลุ่มจี7 และออสเตรเลีย เริ่มใช้มาตรการจำกัดเพดานราคาน้ำมันดิบรัสเซียโดยมีผลตั้งแต่ 5 ธันวาคมเป็นต้นไป

ราคาทองคำล่วงหน้านิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,804.80 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +5.40 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือ +0.53% ก่อนหน้านี้ ย้อนกลับไปเมื่อเดือนมีนาคม 2565 ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2020 หรือในรอบ 18 เดือน

อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำตลาดโลกปีนี้มีความเป็นไปไม่ได้สูงที่จะลดลงต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน โดยเฉพาะมีราคาลดลงมากถึง -250 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์นับตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นมา

สาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐกลับอ่อนค่าลงเล็กน้อย