ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดดิ่งเหวเฉียด 600 จุด น้ำมันดิบปิดพุ่งเหนือ 107 ดอลลาร์

456
0
Share:
ดัชนี หุ้น ดาวโจนส์ ปิดดิ่งเหวเฉียด 600 จุด น้ำมันดิบปิดพุ่งเหนือ 107 ดอลลาร์

เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2565 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์เคลื่อนไหวที่ระดับ 33,294 จุด -597 จุด หรือ -1.76% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 4,306 จุด -67 จุด หรือ -1.55% และดัชนีหุ้นนาสแดค อยู่ที่ระดับ 13,532 จุด -218 จุด หรือ -1.59% สำหรับในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านไปนั้น ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ร่วงลง -3.5%, -3.1% และ -3.4% ตามลำดับ

สาเหตุจากนักลงทุนกังวลต่อสถานการณ์สู้รบอย่างรุนแรงและต่อเนื่องของรัสเซียในประเทศยูเครน หลังจากภาพถ่ายดาวเทียมเผยขบวนยานยนต์สงครามของกองทัพรัสเซียมีความยาวถึง 64 กิโลเมตร เคลื่อนเข้าใกล้กรุงเคียฟ เมืองหลวงยูเครน การโจมตีด้วยขีปนาวุธที่ตึกทำการรัฐบาลในเมืองคาร์คิฟ และผลกระทบด้านระบบการเงินระหว่างประเทศของธนาคารกลางรัสเซีย และธนาคารพาณิชย์ของรัสเซีย รวมถึงราคาน้ำมันดิบตลาดโลกที่ทะยานปิดเหนือ 106 ดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลต่อภาวะเศรษฐกิจและเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงหลายทศวรรษ

นอกจากนี้ นักลงทุนเตรียมประเมินการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา ที่จะเกิดขึ้นในเดือนนี้กับการตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี เพื่อควบคุมภาวะเงินเฟ้อสหรัฐอเมริกาที่พุ่งสูงในรอบหลายทศวรรษ

ตลาดซื้อขายสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า รายงานว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 103.41 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +7.69 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +8.03% โดยในช่วงระหว่างการซื้อขาย มีราคาพุ่งขึ้นสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 106.78 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล พุ่งทะยานถึง +11.06 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +11.5%

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 104.97 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +4.42 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +7.15% โดยในช่วงระหว่างการซื้อขาย มีราคาพุ่งขึ้นสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 107.57 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล พุ่งทะยานถึง +6.78 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +10.3% ส่งผลราคาน้ำมันดิบทั้ง 2 แห่ง ปิดสูงสุดในรอบ 7 ปี หรือนับตั้งแต่ 7 ปี 7 เดือน หรือนับตั้งแต่กรกฎาคม 2014

สาเหตุจากกองทัพรัสเซียโจมตีด้วยขีปนาวุธรุนแรงเข้าทำลายตึกที่ทำการรัฐบาลยูเครนในเมืองใหญ่อันดับ 2 คือเมืองคาร์คิฟ นานาชาติประกาศมาตรการคว่ำบาตรทางการเงินระหว่างประเทศกับรัสเซียอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ได้รับผลกระทบต่อราคาพลังงานทั้งทางตรง และทางอ้อมอย่างเห็นได้ชัดเจน รัฐบาลแคนาดาตอบโต้มาตรการคว่ำบาตรด้านน้ำมันดิบกับรัสเซีย ด้วยการยกเลิกนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซีย ท่ามกลางสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ หรือ IEA เปิดเผยว่า ได้มีมติปล่อยสำรองน้ำมันดิบเข้าสู่ตลาดโลก 60 ล้านบาร์เรล เพื่อต้องการลดผลกระทบจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งสูงสุดในรอบกว่า 7 ปีครึ่ง จากผลกระทบของสถานการณ์การต่อสู้ระหว่างรัสเซียและยูเครน อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์มองว่า ปริมาณ 60 ล้านบาร์เรล ซึ่งคิดเป็นเพียง 4% ของปริมาณสำรองทั้งหมดที่ 1,500 ล้านบาร์เรลนั้น แทบไม่มีผลในทางบวกที่จะดึงราคาน้ำมันดิบให้ลดลงได้ ฝนอกจากนี้ นักลงทุนจับตามองการประชุมแบงก์ชาติสหรัฐอเมริกาในเดือนนี้ ที่จะมีการประบขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเป็นครั้งแรก

อย่างไรก็ตาม วิกฤตสถานการณ์รุนแรงระหว่างรัสเซียกับยูเครน และการคว่ำบาตรจากนานาชาติทั่วโลก ยังคงกดดันราคาน้ำมันดิบโลกต่อเนื่อง นอกจากนี้ สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ เปิดเผยรายงานภาวะน้ำมันดิบโลก พบว่าตลาดน้ำมันดิบยังคงตึงตัวต่อเนื่องหลังจากกลุ่มโอเปกพลัสมีมติเพิ่มกำลังการผลิตอีก 400,000 บาร์เรลในเดือนมีนาคม โดยทั่วโลกต้องการใช้น้ำมันดิบปี 2565 สูงถึง 100.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน

ราคาทองคำล่วงหน้านิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,941 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +24.40 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +1.8% ยังคงมีราคาเข้าใกล้สถิติราคาทองคำปิดสูงสุดในรอบ 18 เดือน หรือนับตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายน 2564 โดยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันแรกที่รัสเซียเปิดการโจมตีทางทหารกับยูเครน ส่งผลให้ราคาทองคำตลาดโลกพุ่งทะยานขึ้นถึง 1,973.96 ดอลลาร์สหรัฐ ทำสถิติสูงสุดในรอบ 18 เดือน

อย่างไรก็ตาม ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านไป ราคาทองคำตลาดโลกพุ่งขึ้น 6.5% ทำสถิติราคาทองคำรายเดือนที่ดีที่สุดในรอบ 1 ปี 7 เดือน หรือนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ปี 2020 เป็นต้นมา

สาเหตุจากนักลงทุนประเมินสถานการณ์ความรุนแรงของทั้งรัสเซียและยูเครน โดยมองว่ามาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกมีความรุนแรงมากขึ้นกับระบบการเงินระหว่างประเทศกับรัสเซีย ท่ามกลางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดีดแข็งค่าต่อเนื่อง