ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดดิ่งกว่าเกือบ 300 จุด น้ำมันดิบโลกปิดร่วงระนาวเกือบหลุด 90

291
0
Share:
ดัชนี หุ้น ดาวโจนส์ ปิดดิ่งกว่าเกือบ 300 จุด น้ำมันดิบโลกปิดร่วงระนาวเกือบหลุด 90

เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2565 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 31,510 จุด -280 จุด หรือ -0.88% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 3,955 จุด -31 จุด หรือ -0.78% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 11,816 จุด -66 จุด หรือ -0.56%

ส่งผลให้รวม 4 วันทำการติดต่อกัน ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ดำดิ่งสะสมถึง -1,780, -243 และ -821 ตามลำดับ โดยเฉพาะดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 หลุดระดับ 4,000 จุดครั้งใหม่ในรอบ 2 เดือนผ่านมา หรือนับตั้งแต่กรกฎาคมเป็นต้นมา นอกจากนี้ ผลตอบแทนดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ที่เป็นบวกในเดือนสิงหาคมกลับกลายเป็นศูนย์

นอกจากนี้ ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ในเดือนสิงหาคมลดลง -4.1% นับตั้งแต่ต้นปีนี้ทรุดลง -12.5% และนับจากสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ พบว่าดิ่งหนัก -14% ด้านดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ในเดือนสิงหาคมลดลง -4.2% นับตั้งแต่ต้นปีนี้ทรุดลง -16.4% และนับจากสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ พบว่าดิ่งหนัก -17.3% และดัชนีหุ้นนาสแดคในเดือนสิงหาคมลดลง -4.6% นับตั้งแต่ต้นปีนี้ทรุดลง -20.5% และนับจากสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ พบว่าดิ่งหนัก -26.7%

สาเหตุจากนักลงทุนเกิดความกังวลอย่างมาก และแห่เทขายหุ้นทุกกลุ่มอย่างหนักทั้งวัน หลังจากประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา นายเจอโรม พาวเวลล์ ที่จะเข้าร่วมประชุมเวทีเศรษฐกิจแจ็คสัน โฮล ยืนยันว่าเฟดยังคงปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นอย่างต่อเนื่องเพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อ นอกจากนี้ ยังเตือนว่าเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาจะได้รับความเจ็บปวดจากความจำเป็นในการใช้นโยบายการเงินตึงตัวมากขึ้น

ตลาดซื้อขายสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า รายงานว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 90.78 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -0.88 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -1.0% รวม 2 วันติดกันมีราคาลดลง 6.25 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 96.62 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -2.69 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -2.7% รวม 2 วันติดกันมีราคาลดลง 8.47 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

สาเหตุจากวิกฤตภาวะเงินเฟ้อทั่วโลกกลายเป็นปัจจัยลบค่อราคาน้ำมันดิบตลาดโลก หลังจากมีการคาดการณ์ว่า เงินเฟ้อเดือนสิงหาคมในเยอรมนีซึ่งเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรปจะทำสถิติสูงสุดในรอบ 50 ปี นอกจากนี้ เงินเฟ้อในสหราชอาณาจักรในปี 2566 จะพุ่งทะยานเกิน 20% ขณะเดียวกัน ความไม่สงบในประเทศอิรัก ส่งผลกระทบต่อปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกพลัส

ราคาทองคำล่วงหน้านิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,726.20 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -9.10 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -0.6% ไม่เพียงส่งผลให้เดือนสิงหาคมนั้น ราคาทองคำลดลง -3% แต่ยังทำให้เป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกันที่ราคาทองคำตลาดโลกลดลง ทำให้กลายเป็นราคาทองคำรายเดือนที่ตกต่ำยาวนานที่สุดในรอบ 4 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2018

ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนมีนาคม 2565 ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2020 หรือในรอบ 18 เดือน

สาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐทรงตัว ด้านผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริการะยะสั้นอายุ 10 ปีเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ หลังปรับสูงขึ้นซึ่งเป็นผลจากการแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาที่ไวโอมิ่ง ว่า จะยังคงปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นอย่างต่อเนื่องเพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อในสหรัฐอเมริกา