ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดทะยานเฉียด 200 จุด น้ำมันดิบโลกปิดเกือบหลุด 80 ดอลลาร์

220
0
Share:
ดัชนี หุ้น ดาวโจนส์ ปิดทะยานเฉียด 200 จุด น้ำมันดิบโลกปิดเกือบหลุด 80 ดอลลาร์

เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2565 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 33,745 จุด +199 จุด หรือ +0.59% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 3,959 จุด +18 จุด หรือ +0.48% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 11,146 จุด +1 จุด หรือ +0.01% ในสัปดาห์นี้ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ลดลง -0.01%, -0.69% และ -1.57% ตามลำดับ

สาเหตุจากนักลงทุนกลับมาชั่งน้ำหนักระหว่างผลประกอบการไตรมาส 3 ของบริษัทในตลาดหุ้นกับแนวโน้มดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาที่อาจเกิดการชะลอตัว หลังจากผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา สาขาเซ็นหลุยส์ กล่าวว่า ระดับดอกเบี้ยดังกล่าวยังปรับขึ้นมาไม่เพียงพอที่จะพิจารณาให้เริ่มชะลอตัว หรือตรึงเอาไว้ ที่สำคัญ ตั้งแต่ปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องดูเหมือนจะให้ผลจำกัดต่ออัตราเงินเฟ้อในสหรัฐอเมริกา

นอกจากนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริการะยะสั้นอายุ 2 ปี พุ่งสูงขึ้นครั้งใหม่แตะที่ระดับ 4.45% จากความกังวลของแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นต่อเนื่อง

ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 80.08 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -1.56 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -1.9% ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 87.62 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -2.16 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -2.4% ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

ในสัปดาห์นี้ ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกทั้ง 2 แห่ง ลดลง -10% และ -9% ตามลำดับ

สาเหตุจากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ในจีนแผ่นดินใหญ่ที่ระบาดรุนแรงและกระจายในเมืองเศรษฐกิจสำคัญของจีนรอบใหม่ แนวโน้มดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาที่จะขึ้นสูงต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าอาจสูงขึ้นถึง 7% ซึ่งสูงกว่าที่คาดไว้มาก ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่กลับมาแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว

ราคาทองคำล่วงหน้านิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,750.60 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -12.20 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -0.7% ราคาทองคำที่ปรับขึ้นรอบนี้ ขึ้นไปแตะสูงสุดที่ 1,786.35 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์เมื่อวันอังคารที่ 15 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทำให้ราคาปิดขึ้นทำสถิติสูงสุดในรอบ 3 เดือน ส่งผลให้ตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายนมาถึงวันนี้ ราคาทองคำเพิ่มขึ้น 7% สวนทางตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นมาที่ราคาทองคำตกต่ำมากถึง 15% หลังจากธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนมีนาคม

ก่อนหน้านี้ ย้อนกลับไปเมื่อเดือนมีนาคม 2565 ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2020 หรือในรอบ 18 เดือน

สาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐกลับแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากผู้กว่าธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา สาขาซาน ฟรานซิสโก กล่าวว่าธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาต้องขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นต่อเนื่อง คาดว่าจะขึ้นไปอยู่ระหว่าง 4.75%-5.25% ในช่วงต้นปีหน้า ที่สำคัญ การชะลอขึ้นดอกเบี้ยไม่อยู่ในการพิจารณาด้วย