ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดพุ่งกว่า 400 จุด น้ำมันดิบปิดเหนือ 91 ดอลลาร์

391
0
Share:
หุ้น

เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2565 (ตามเวลาในสหรัฐ) ตลาดหุ้นนิวยอร์ก สหรัฐ ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ปิดที่ระดับ 35,131 จุด +406 จุด หรือ +1.17% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 4,515 จุด +83 จุด หรือ +1.89% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 14,239 จุด +469 จุด หรือ +3.41% ส่งผลให้ในเดือนมกราคม 2565 ที่ผ่านไป ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ดิ่งหนัก -5.3% และดัชนีหุ้นนาสแดคร่วงระนาว -8.9% ทำสถิติดัชนีหุ้นรายเดือนที่ย่ำแย่ที่สุดในรอบเกือบ 2 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2020 เป็นต้นมา นอกจากนี้ ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ยังทำสถิติดัชนีในเดือนมกราคมที่ทรุดหนักมากที่สุดในรอบ 13 ปีด้วย สอดรับกับดัชนีหุ้นดาวโจนส์ทรุดหนัก -3.5% ในเดือนแรกของปีนี้

สาเหตุจากนักลงทุนหวนกลับเข้าซื้อหุ้นที่มีราคาร่วงลงอย่างรุนแรงตลอดเกือบสัปดาห์ที่ผ่านไปนำโดยกลุ่มเทคโนโลยี ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงของผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้นอายุ 10 ปี ยังคงอยู่ที่ระดับ 1.87% ซึ่งใกล้เคียงสถิติสูงสุดที่ 1.9% ในรอบ 2 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2563 ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่สหรัฐอเมริกาจะเกิดโรคระบาดโควิด-19 หลังจากสิ้นสุดการประชุม 2 วันของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นไปตามที่คาดไว้ คือธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาวางแผนการปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นตั้งแต่เดือนมีนาคมนี้เป็นต้นไป

ตลาดซื้อขายสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า รายงานว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 88.15 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +1.33 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +1.53% โดยในช่วงระหว่างวันเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านไป ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ สหรัฐ พุ่งขึ้นสูงสุดที่ 88.84 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ทำสถิติสูงสุดตั้งแต่เดือนตุลาคม 2014 หรือในรอบ 7 ปี 2 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 91.21 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +1.18 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +1.31% โดยในช่วงระหว่างวันของเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านไป ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ พุ่งขึ้นสูงสุดที่ 91.70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ทำสถิติสูงสุดตั้งแต่เดือนตุลาคม 2014 หรือในรอบ 7 ปี 2 เดือน ดังนั้นในเดือนมกราคมที่ผ่านไป ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกพุ่งทะยาน 17% ทำสถิติราคาน้ำมันดิบรายเดือนที่ดีที่สุดในรอบ 1 ปี หรือนับตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2564
ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกปิดเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 6 ติดต่อกัน ทำสถิติราคารายสัปดาห์ที่เพิ่มขึ้นนานที่สุดในรอบ 3 เดือน หรือนับตั้งแต่ตุลาคม 2564 ผ่านมา ซึ่งในช่วงนั้น ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ สหรัฐ และเบร็นท์ อังกฤษ เพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 7 และ 9 ตามลำดับ

สาเหตุจากสถานการณ์รุนแรงในภูมิภาคตะวันออกกลาง และยุโรปฝั่งตะวันออก สถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศในยูเครนกับรัสเซียที่อาจทวีความรุนแรงขึ้น โดยรัฐบาลสหรัฐอเมริกาเปิดเผยว่า รัสเซียเตรียมใช้กำลังทหารเข้าโจมตีประเทศยูเครนภายใน 30 วันข้างหน้านึ้ หากการเจรจาทางการทูตล้มเหลว โดยความตึงเครียดของทั้ง 2 ประเทศสะสมมาตั้งแต่ธันวาคมปีที่แล้ว

ด้านปัจจัยพื้นฐานการผลิตน้ำมันดิบ พบว่าตลาดน้ำมันดิบตึงตัวจากกำลังการผลิต แม้ว่ากลุ่มโอเปกพลัสจะมีมติเพิ่มกำลังการผลิต 400,000 บาร์เรลในเดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไปก็ตาม

ราคาทองคำล่วงหน้านิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,795.80 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +12.70 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +0.5% ส่งผลให้เดือนมกราคม 2565 มีราคาทองคำรายเดือนลดลง -1.8% ทำสถิติราคาทองคำตลาดโลกรายเดือนที่ย่ำแย่ที่สุดในรอบ 4 เดือน หรือตั้งแต่กันยายน 2564

สาเหตุจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริการะยะสั้นอายุ 10 ปี ยังคงสูงขึ้นใกล้เคียงสถิติใหม่ในรอบ 2 ปีผ่านมา ในขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งแข็งค่าขึ้น หลังการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟดในวันที่ 25-26 มกราคม 2565 ซึ่งเป็นการประชุมนัดแรกของปีนี้