ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดพุ่งกว่า 140 จุด น้ำมันดิบโลกปิดทะยานเหนือกว่า 74 ดอลลาร์

157
0
Share:
ดัชนี หุ้น ดาวโจนส์ ปิดพุ่งกว่า 140 จุด น้ำมันดิบโลกปิดทะยานเหนือกว่า 74 ดอลลาร์

เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2023 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 34,212 จุด +145 จุด หรือ +0.43% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 4,369 จุด +30 จุด หรือ +0.69% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 13,573 จุด +111 จุด หรือ +0.73% ส่งผลให้ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดสูงสุดในรอบ 1 ปี 1 เดือนกว่า หรือตั้งแต่เมษายน 2022 และปิดเหนือระดับ 4,300 จุดเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน

สาเหตุจากนักลงทุนมองมุมบวกกับการประเมินแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาอาจจะเริ่มตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในการประชุมวันที่ 13-14 มิถุนายนนี้ หลังจากตัวเลขเงินเฟ้อผู้บริโภคเดือนพฤษภาคมประกาศในคืนผ่านมา พบว่า เงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดในรอบกว่า 2 ปี

ขณะที่ตัวชี้วัดแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด ที่เรียกว่า ซีเอ็มอีเฟดวอทช์ ทูล พบว่า มีโอกาส 90% ที่เฟดจะตรึงดอกเบี้ยที่เดิมระหว่าง 5.00-5.25% และมีโอกาส 71% ที่เฟดจะกลับมาขึ้นดอกเบี้ยดังกล่าวในการประชุมเดือนกรกฎาคม

ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 69.42 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +2.30 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +3.4% ส่งผลให้หยุดราคาน้ำมันดิบปิดลดลง 3 วันติดต่อกันรวม 5.41 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 74.29 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +2.45 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +3.4% ส่งผลให้หยุดราคาน้ำมันดิบปิดลดลง 3 วันติดต่อกันรวม -5.11 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

ในปี 2022 ผ่านไปราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

สาเหตุจากธนาคารกลางจีนแผ่นดินใหญ่ลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลงครั้งแรกในรอบ 10 เดือน และเป็นครั้งแรกที่ลดลงต่ำกว่า 2% นอกจากนี้ รัฐบาลจีนกำลังประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนในภาพรวม เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในปัจจุบันหลังผ่านวิกฤตการณ์โรคระบาดโควิด-19

ขณะที่ตัวเลขเงินเฟ้อผู้บริโภคทั่วไป และขั้นพื้นฐานเดือนพฤษภาคมในสหรัฐอเมริกา ปรากฏว่า ปรับเพิ่มขึ้นเบาบางและน้อยที่สุดในรอบ 2 ปี โดยเงินเฟ้อทั่วไปในแง่รายปีเพิ่มขึ้น 4.0% ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 4.1% และยังลดต่ำกว่าในเดือนเมษายนที่ระดับ 4.9% และเงินเฟ้อขั้นพื้นฐานแง่รายเดือนเพิ่มขึ้น 0.4% ส่งผลให้ในแง่รายปีเพิ่มขึ้น 5.3% ผลจากตัวเลขเงินเฟ้อดังกล่าวทำให้เชื่อว่าจะลดแรงกดดันการขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาที่เหลือการประชุมอีก 1 วันในคืนวันนี้

ราคาทองคำส่งมอบทันที หรือ Gold Spot ปิดที่ 1,944.05 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -13.59 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -0.14% ขณะที่ราคาทองคำล่วงหน้า หรือ Gold Future นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ระดับ 1,957.30 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -12.40 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -0.6%

ก่อนหน้านี้เมื่อกลางเดือนเมษายนผ่านไป ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาปิดสูงสุดในรอบ 1 ปีที่ 2,048.71 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ จากวิกฤตธนาคารเอสวีบี และเอสบี ปิดกิจการและถูกควบคุมโดยทางการสหรัฐอเมริกา

ย้อนกลับไปในปี 2022 ผ่านไปเมื่อเดือนมีนาคม พบว่าราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.49 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์

สาเหตุจากผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลรัฐบาลสหรัฐอเมริการะยะสั้นอายุ 10 ปี กลับเพิ่มขึ้นแตะระดับ 3.8% ตามด้วยตัวเลขเงินเฟ้อเดือนพฤษภาคมของสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้นในระดับน้อยที่สุดในรอบกว่า 2 ปี ทำให้ตลาดประเมินว่าธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด จะไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นในการประชุมคืนวันนี้ ซึ่งจะเป็นครั้งแรกในรอบ 1 ปี 1 เดือน หรือในการปรับขึ้นดอกเบี้ยดังกล่าวถึง 11 ครั้งติดกัน

ขณะนี้ ตัวชี้วัดการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่เรียกว่า เฟดวอช์ท พบว่า โอกาสตรึงดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 90% มากกว่าเมื่อคืนวานนี้ที่ระดับ 76%

ด้านค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงถึง -0.4% ทำสถิติอ่อนค่าต่ำสุดในรอบเกือบ 3 สัปดาห์ หลังจากตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐอเมริกาเดือนพฤษภาคมตอกย้ำโอกาสตรึงดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดอย่างชัดเจน