ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดพุ่งกว่า 220 จุด นักลงทุนมั่นใจดอกเบี้ยสหรัฐนิ่งยาวในปีนี้

ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2023 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 34,061 จุด +222 จุด หรือ +0.66% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 4,358 จุด +40 จุด หรือ +0.94% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 13,478 จุด +184 จุด หรือ +1.38%

ส่งผลให้ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ทำสถิติปิดดีที่สุดในรอบ 4 เดือน(ตั้งแต่มิถุนายน), 8 เดือน(ตั้งแต่กุมภาพันธ์) และ 3 เดือน(ตั้งแต่กรกฎาคม) ตามลำดับ

นอกจากนี้ ในสัปดาห์นี้ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดทะยานขึ้น +5.07%, +5.85% และ +6.61% ตามลำดับ ส่งผลให้ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ทำสถิติรายสัปดาห์ดีที่สุดในรอบ 1 ปี 1 เดือน (ตั้งแต่ตุลาคม 2022), 1 ปี (ตั้งแต่พฤศจิกายน 2022) และ 1 ปี (ตั้งแต่พฤศจิกายน 2022) ตามลำดับ

ขณะที่ในเดือนตุลาคม ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดลดลง -1.4%, -2.2% และ -2.8% ตามลำดับ ทำให้ดัชนีหุ้นทั้งดาวโจนส์ และเอสแอนด์พี 500 ทำสถิติดัชนีหุ้นรายเดือนปิดลดลงครั้งแรกใน 3 เดือนผ่านมา เกิดขึ้นในรอบ 3 ปี 7 เดือน หรือตั้งแต่มีนาคมปี 2020

สาเหตุจากผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาอายุ 10 ปี ลดลงมาแตะที่ระดับ 4.57% มาทำสถิติต่ำสุดในรอบกว่า 1 เดือน สอดรับกับดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง -0.1% หลังจากตัวเลขการจ้างงานชาวอเมริกันนอกภาคกาคเกษตรเดือนตุลาคมเพิ่มขึ้นเพียง 150,000 คน ซึ่งต่ำกว่าที่คาดไว้ว่าจะมีถึง 180,000 คน นอกจากนี้ อัตราการว่างงานในเดือนตุลาคมขยับเพิ่มขึ้นเป็น 3.9% จากเดิมคาดว่าจะทรงตัวต่อที่ 3.8% ด้านอัตราค่าจ้างแรงงานต่อชั่วโมงในแง่รายเดือน พบว่าเพิ่มขึ้นเพียง 0.2% ซึ่งต่ำกว่าที่คาดไว้ที่ระดับ 0.3%

ทำให้แรงกดดันต่ออัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาลดลงต่อเนื่อง ซึ่งจะมีการประชุมครั้งสุดท้ายของปีนี้ในเดือนธันวาคม

ตัวชี้วัดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่เรียกว่า เฟดวอช์ท พบว่า โอกาสไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นในการประชุมเดือนธันวาคมอยู่ที่ 95% จากเดิมที่โอกาสไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ที่ 80%