ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดร่วงแรงกว่า 250 จุด น้ำมันดิบโลกปิดพุ่งเหนือ 86 ดอลลาร์

204
0
Share:
ดัชนี หุ้น ดาวโจนส์ ปิดร่วงแรงกว่า 250 จุด น้ำมันดิบโลกปิดพุ่งเหนือ 86 ดอลลาร์

เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2566 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 33,044 จุด -252 จุด หรือ -0.76% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 3,898 จุด -30 จุด หรือ -0.75% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 10,852 จุด -104 จุด หรือ -0.96% ส่งผลให้ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ดำดิ่งใน 3 วันติดต่อกันถึง -1,259 จุด ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ร่วงปิดต่ำสุดในรอบ 1 เดือน หรือตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2022

สาเหตุจากนักลงทุนไม่มั่นใจในภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาถึงแม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะลดลงต่อเนื่อง เนื่องจากมุมมองของผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด ส่งสัญญาณว่าอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นจะต้องสูงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ แม้แต่ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ ธนาคารเจพี มอร์แกน เชส แอนด์ โค กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยเฟดจะต้องสูงกว่าระดับ 5%

ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 80.33 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +0.85 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +1.1% ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน ทำให้ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ปิดเพิ่มขึ้น 5 วันทำการติดต่อกัน ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 2 เดือนครึ่ง หรือตั้งแต่ตุลาคม 2022

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 86.16 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +1.18 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +1.4% ในปีผ่านไปราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบทั้ง 2 แห่ง ปิดสูงสุดในรอบ 1 เดือน 3 สัปดาห์ หรือนับตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2022

สาเหตุจากจีนแผ่นดินใหญ่บริโภคน้ำมันดิบเดือนธันวาคม 2022 เพิ่มสูงเกือบ 1 ล้านบาร์เรลจากเดือนพฤศจิกายนที่ระดับ 15.41 ล้านบาร์เรล ทำสถิติสูงสุดในรอบ 10 เดือน หรือนับตั้งแต่กุมภาพันธ์ในปีเดียวกัน นอกจากนี้ สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ หรือไออีเอ เปิดเผยว่า ตลาดน้ำมันดิบโลกปีนี้จะตึงตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวท่ามกลางรัสเซียตกอยู่ในสถานการณ์ผลิตน้ำมันดิบลดต่ำลงจากผลกระทบของมาตรการคว่ำบาตร

ราคาทองคำล่วงหน้า หรือ Gold Future นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,933.90 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +26.90 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือ +1.41% ขณะที่ราคาทองคำส่งมอบทันที หรือ Gold Spot ปิดที่ระดับ 1,904.84 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ +27.56 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือ +1.5%

ในปีผ่านไปเมื่อเดือนมีนาคม 2565 ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2020 หรือในรอบ 18 เดือน

สาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงอ่อนค่าลงทำสถิติเกือบต่ำสุดในรอบ 8 เดือน ด้านผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาอายุ 2 ปี 10 ปี และ 30 ปี กลับมาเพิ่มขึ้น ท่ามกลางการส่งสัญญาณจากบรรดาผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด ที่มองว่าอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นสุดท้ายอาจต้องสูงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้เมื่อช่วงปลายปีผ่านมา

ขณะที่ตัวชี้วัดโอกาสการปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือ เฟดฟันด์ พบว่านักลงทุนให้น้ำหนักเพิ่มสูงถึง 91.6% ที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยดังกล่าวเพียง 0.25% ในการประชุมนัดแรกของปีนี้ในวันที่ 31 มกราคมถึงวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้