ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดร่วงกว่า 100 จุด น้ำมันดิบโลกปิดหล่นเหลือกว่า 75 ดอลลาร์

126
0
Share:
ดัชนี หุ้น ดาวโจนส์ ปิดร่วงกว่า 100 จุด น้ำมันดิบโลกปิดหล่นเหลือกว่า 75 ดอลลาร์

เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2023 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 33,426 จุด -109 จุด หรือ -0.33% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 4,191 จุด -6 จุด หรือ -0.14% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 12,657 จุด -30 จุด หรือ -0.24% ในสัปดาห์นี้ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดเพิ่มขึ้น +0.38%, +1.65% และ +3.04% ตามลำดับ ทำสถิติดัชนีหุ้นรายสัปดาห์เพิ่มขึ้นดีที่สุดในรอบ 1 เดือนครึ่งผ่านมา

สาเหตุจากนักลงทุนกลับมามีความกังวลมากขึ้นกับสถานการณ์การเมืองในรัฐสภาคองเกรสของสหรัฐอเมริกาหลังจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรครีพลับลิกันประท้วงการประชุมด้วยการเดินออกนอกที่ประชุมที่กำลังมีการเจรจาพิจารณากฎหมายขยายการกู้ยืมเงินของรัฐบาลเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะรัฐบาลสหรัฐอเมริกาไม่สามารถชำระคืนหนี้สินได้ก่อนถึงวันที่ 1 มิถุนายนนี้

ก่อนหน้านี้ประธานสภาล่าง นายเควิน แม็คคาร์ที กล่าวว่า ไม่เชื่อว่าสหรัฐอเมริกาจะไม่สามารถชำระหนี้ได้ ขณะที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา นายโจ ไบเดน กล่าวว่า มั่นใจว่าบรรดาสมาชิกรัฐสภาสหรัฐอเมริกาจะรวมกันเพื่อบรรลุข้อตกลง และหลีกเลี่ยงภาวะไม่สามารถชำระหนี้ได้

ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 71.69 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -0.25 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -0.3% นับเป็นวันที่ 2 ติดต่อกันที่ราคาน้ำมันดิบลดลง -1.22 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 75.58 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -0.28 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -0.8% นับเป็นวันที่ 2 ติดต่อกันที่ราคาน้ำมันดิบลดลง -1.38 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

ในสัปดาห์นี้ ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกทั้ง 2 แห่ง ปรับเพิ่มขึ้น +2% ส่งผลเป็นสัปดาห์แรกในเดือนนี้ที่ราคาน้ำมันดิบทั้ง 2 แห่งปิดเพิ่มขึ้น

ในปี 2022 ผ่านไปราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

สาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงอ่อนค่าลง และนักลงทุนกังวลกับสถานการณ์การเมืองในรัฐสภาคองเกรสของสหรัฐอเมริกาที่กำลังตึงเครียดกับการพิจารณากฎหมายขยายการกู้ยืมเงินของรัฐบาลมูลค่า 31.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1,068 ล้านล้านบาท เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะรัฐบาลสหรัฐอเมริกาไม่สามารถชำระคืนหนี้สินได้ก่อนถึงวันที่ 1 มิถุนายนนี้ หลังจากผู้นำสูงสุดของสภาล่าง และวุฒิสมาชิกของรัฐสภาสหรัฐอเมริกาเปิดเผยว่าจะพยายามพิจารณาผ่านกฎหมายดังกล่าวเพื่อให้สหรัฐอเมริกาเลี่ยงภาวะไม่สามารถชำระหนี้ ขณะที่รัฐมนตรีคลังสหรัฐชี้แจงว่าสหรัฐอเมริกามีเงินงบประมาณสำหรับการใช้จ่ายบริหารประเทศได้เพียงอีก 1 เดือนเท่านั้น

สาเหตุจากธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด มีแนวโน้มปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นในการประชุมครั้งต่อไปในเดือนมิถุนายนระหว่างวันที่ 13-14 นี้ ซึ่งผิดคาดจากที่ประเมินกันว่าจะตรึงดอกเบี้ยดังกล่าวเป็นครั้งแรกในรอบ 1 ปีเศษ

ราคาทองคำส่งมอบทันที หรือ Gold Spot ปิดที่ 1,956.13 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +25.66 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือลดลง +1.2% ขณะที่ราคาทองคำล่วงหน้า หรือ Gold Future นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ระดับ 1,959.40 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ +22.20 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือ +1.2% ส่งผลหยุดราคาทองคำล่วงหน้าตกต่ำกว่า 60 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ใน 3 วันทำการติดกัน

ในสัปดาห์ ราคาทองคำตลาดโลกร่วงลง -1.5% ทำสถิตินราคาทองคำรายสัปดาห์ที่ย่ำแย่ในรอบ 2 เดือนครึ่ง หรือนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นมา

ก่อนหน้านี้เมื่อกลางเดือนเมษายนผ่านไป ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาปิดสูงสุดในรอบ 1 ปีที่ 2,048.71 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ จากวิกฤตธนาคารเอสวีบี และเอสบี ปิดกิจการและถูกควบคุมโดยทางการสหรัฐอเมริกา

ย้อนกลับไปในปี 2022 ผ่านไปเมื่อเดือนมีนาคม พบว่าราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.49 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์

สาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐกลับร่วงลง หลังทำสถิติแข็งค่าสูงสุดในรอบ 8 สัปดาห์ สอดคล้องกับผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาอายุ 10 ปี ปรับลดต่ำลง สาเหตุจากประธานผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด กล่าวในคืนผ่านมาว่า ยังไม่เป็นที่ขัดเจนว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นจะมีทิศทางเพิ่มขึ้นหรือไม่อย่างไร ส่งผลให้นักลงทุนมองว่ามีโอกาสสูงที่จะตรึงดอกเบี้ยดังกล่าวเป็นครั้งแรกในรอบ 1 ปี 3 เดือน

นอกจากนี้ แม้จะมีความคืบหน้าในการเจรจาของรัฐสภาสหรัฐอเมริกา แต่นักลงทุนเฝ้าติดตามและประเมินสถานการณ์การเมืองในรัฐสภาคองเกรสของสหรัฐอเมริกาที่กำลังตึงเครียดกับการพิจารณากฎหมายขยายการกู้ยืมเงินของรัฐบาลมูลค่า 31.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1,068 ล้านล้านบาท เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะรัฐบาลสหรัฐอเมริกาไม่สามารถชำระคืนหนี้สินได้ก่อนถึงวันที่ 1 มิถุนายนนี้ นอกจากนี้ รัฐมนตรีคลังสหรัฐชี้แจงว่าสหรัฐอเมริกามีเงินงบประมาณสำหรับการใช้จ่ายบริหารประเทศได้เพียงอีก 1 เดือนเท่านั้น