ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดร่วงแรงกว่า 170 จุด น้ำมันดิบโลกปิดลงหลุด 80 ดอลลาร์

283
0
Share:
ดัชนี หุ้น ดาวโจนส์ ปิดร่วงแรงกว่า 170 จุด น้ำมันดิบโลกปิดลงหลุด 80 ดอลลาร์

เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2023 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 34,288 จุด -174 จุด หรือ -0.51% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 4,387 จุด -12 จุด หรือ -0.28 % และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 13,505 จุด +8 จุด หรือ +0.06%

สาเหตุจากบริษัทเอสแอนด์พี โกลบอล ซึ่งเป็นบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือการลงทุนระดับโลก ปรับลดเรตติ้งการลงทุนและปรับเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อการลงทุนในธนาคารพาณิชย์ในสหรัฐอเมริกา ส่งผลนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มธนาคารหนาตา

ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริการะยะสั้นอายุ 10 ปี ลดลงเบาบาง ซึ่งยังคงใกล้เคียงระดับ 4.34% ทำสถิติสูงสุดในรอบ 15 ปี 8 เดือนกว่า หรือนับตั้งแต่พฤศจิกายนปี 2007 เป็นต้นมาก็ตาม ซึ่งเป็นผลลบต่อธุรกิจหรือหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี แต่เนื่องจากนักลงทุนมองว่าราคาหุ้นจำนวนมากในกลุ่มดังกล่าวมีราคาลดลงต่ำมากในช่วงทั้งสัปดาห์ผ่านมา ท่ามกลางการสะท้อนแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกายังคงปรับสูงขึ้นในอนาคต

ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 79.64 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -0.48 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบลดลง 2 วันติดกันรวม -1.01 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ สหรัฐอเมริกา พุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 84.03 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -0.43 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบลดลง 2 วันติดกันรวม -0.77 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

ในปี 2022 ผ่านไปราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

สาเหตุจากนักลงทุนผิดหวังกับแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจีนแผ่นดินใหญ่ หลังจากเมื่อวานนี้ธนาคารกลางจีนแผ่นดินใหญ่ลดดอกเบี้ยกู้ยืมลงเพียงประเภทเดียวจากที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะต้องลดอัตราดอกเบี้ยกู้ยืม 2 ประเภท

ตลาดคาดการณ์ยังคงคาดการณ์ว่าภาวะสต๊อกน้ำมันดิบโลกยังตึงตัวต่อเนื่องท่ามกลางรัสเซียลดการส่งออกน้ำมันดิบ สอดคล้องกับสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ หรือไออีเอ เปิดเผยว่าในครึ่งปีหลังนี้ ภาวะตลาดน้ำมันดิบโลกจะตึงตัว สาเหตุจากความต้องการใช้น้ำมันดิบของจีนแผ่นดินใหญ่

ราคาทองคำส่งมอบทันที หรือ Gold Spot ปิดที่ 1,897.60 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +3.78 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +0.2% ขณะที่ราคาทองคำล่วงหน้า หรือ Gold Future นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ระดับ 1,926 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +9.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +0.2% ส่งผลให้ราคาทองคำยังคงมีราคาปิดใกล้เคียงระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน หรือนับตั้งแต่กลางเดือนมีนาคมเป็นต้นมา และในสัปดาห์นี้ ราคาทองคำตลาดโลกปิดร่วงลง -1.4% ซึ่งเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกันที่ราคาทองคำโลกปิดลดลง

เมื่อกลางเดือนเมษายนผ่านไป ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาปิดสูงสุดในรอบ 1 ปีที่ 2,048.71 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ จากวิกฤตธนาคารเอสวีบี และเอสบี ปิดกิจการและถูกควบคุมโดยทางการสหรัฐอเมริกา

ย้อนกลับไปในปี 2022 ผ่านไปเมื่อเดือนมีนาคม พบว่าราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.49 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์

สาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นในช่วงแคบๆ สอดคล้องกับผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริการะยะสั้นอายุ 10 ปี อยู่ในระดับสูงสุดในรอบกว่า 16 ปี สะท้อนแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกายังคงปรับสูงขึ้นในอนาคต หลังการเปิดเผยบันทึกการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 25-26 กรกฎาคมผ่านมา พบว่า เงินเฟ้อยังมีความเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา อาจนำไปสู่การปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง

นักลงทุนให้น้ำหนักสัญญาณและแรงกดดันต่อการตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาในการประชุมเดือนกันยายน โดยเฉพาะการคาดการณ์ว่ารอบการสิ้นสุดการขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดจะเกิดขึ้นหรือไม่ และเร็วที่สุดเมื่อไร

ขณะนี้ ตัวชี้วัดการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่เรียกว่า เฟดวอช์ท พบว่า โอกาสตรึงดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาในการประชุมครั้งต่อไปในเดือนกันยายน เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 91%