ดัชนีหุ้นดาวโจนส์พุ่งทะยานเกือบ 500 จุด เงินเฟ้อผู้บริโภคในสหรัฐลดต่ำสุดใน 2 ปี

ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2023 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 34,827 จุด +489 จุด หรือ +1.43% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 4,495 จุด +84 จุด หรือ +1.91% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 14,094 จุด +326 จุด หรือ +2.37% ส่งผลให้ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดพุ่งสูงสุดในรอบ 7 เดือน หรือตั้งแต่เมษายนผ่านมา ในขณะที่ เดือนพฤศจิกายน ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง เพิ่มสูงขึ้น +5.4%, +7.2% และ +9.7% ตามลำดับ

สาเหตุจากตัวเลขเงินเฟ้อผู้บริโภคเดือนตุลาคมในสหรัฐอเมริกา ปรากฏว่าเงินเฟ้อทั่วไปมีอัตราไม่เปลี่ยนแปลง ยังคงที่ระดับ 0.4% เมื่อเทียบกับเดือนกันยายน ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 1 ปี 3 เดือนครึ่ง หรือตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปี 2022 ขณะที่เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันในปีผ่านมา พบว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มขึ้น 3.2% ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อดังกล่าวลดลงจากเดือนกันยายนที่เคยอยู่สูงถึง 3.7%

สอดรับกับอัตราเงินเฟ้อขั้นพื้นฐานในเดือนตุลาคม ซึ่งไม่รับรวมราคาอาหารและราคาพลังงาน พบว่า เพิ่มขึ้นเพียง 0.2% เมื่อเทียบกับเดือนกันยายน และเพิ่มขึ้นเป็น 4.0% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันในปีผ่านมา ส่งผลทำสถิติเงินเฟ้อขั้นพื้นฐานเพิ่มขึ้นน้อยสุดในรอบ 2 ปี 1 เดือนครึ่ง หรือตั้งแต่กันยายนปี 2021

ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาอายุ 10 ปี ร่วงลงเหลือต่ำกว่า 4.5% สอดรับกับดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่ลดลง สะท้อนถึงแรงกดดันต่อการลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะมีการประชุมครั้งสุดท้ายของปีนี้ในวันที่ 12-13 เดือนธันวาคม ทำให้หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีถูกเทขายนำตลาดทั้งคืนผ่านมา

ตัวชี้วัดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่เรียกว่า เฟดวอช์ท พบว่า โอกาสไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นในการประชุมเดือนธันวาคมอยู่ที่ 91% จากเดิมที่โอกาสไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ที่ 95%