ดั้มอีวี! สื่อจีนชี้ปี 68 สต็อกรถพลังงานใหม่รวมอีวีด้วยจ่อล้นตลาดมากเกือบ 20 ล้านคัน

110
0
Share:
ดั้มอีวี! สื่อจีนชี้ปี 68 สต็อกรถพลังงานใหม่รวม อีวี ด้วยจ่อล้นตลาดมากเกือบ 20 ล้านคัน

สำนักข่าวนิกเคอิ เอเชีย รายงานว่า สื่อภายในประเทศจีน ได้เปิดเผยถึงสถานการณ์อุตสาหกรรมยานยนต์ในจีนพบว่า ผู้ผลิตยานยนต์ในประเทศจีนล้วนเพิ่มกำลังการผลิตรถยนต์พลังงานใหม่ หรือเอ็นอีวี (New Energy Vehicle) ซึ่งประกอบด้วย รถไฟฟ้า 100% หรือรถบีอีวี รถไฮบริด และรถปลั๊กอินไฮบริด อย่างรวดเร็ว โดยคาดว่าปี 2025 ผู้ผลิตรถยนต์พลังงานพลังงานใหม่ในประเทศจีนจะผลิตรถประเภทดังกล่าวรวมมากกว่า 36 ล้านคัน ตัวเลขคาดการณ์นี้มาจากการประเมินของบริษัทเอกชนจีนที่ผลิตรถยนต์ และตัวเลขคาดการณ์จากภาครัฐบาลในจีน อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ตัวเลขยอดขายภายในปี 2025 จะมีทั้งหมด 17 ล้านคัน ส่งผลให้มีสต็อกของรถยนต์พลังงานใหม่ล้นตลาดถึงเกือบ 20 ล้านคันในปีหน้า

สื่อท้องถิ่นในจีนรายงานว่าในปี 2023 ผ่านไป การใช้กำลังการผลิตรถยนต์ในภาพรวมของผู้ผลิตรถยนต์ในจีนมีอยู่เพียง 50% ของการผลิตเต็มรูปแบบ สาเหตุที่ใช้กำลังการผลิตลดลงเหลือเพียงครึ่งเดียวนั้นเป็นผลมาจากสต็อกรถยนต์ตกค้างจำนวนมาก และมีการผลิตสะสมก่อนหน้านั้นเป็นจำนวนมากมาย การลดกำลังการผลิตเหลือเพียงแค่ 50% ดังกล่าวนับเป็นการผลิตที่ต่ำกว่าจุดคุ้มทุนซึ่งอยู่ที่ระดับ 80% ของการผลิตเต็มเพดาน ด้วยเหตุนี้จึงกลายเป็นปัจจัยทำให้ค่ายผู้ผลิตรถยนต์ในจีนมีผลกำไรลดลงอย่างมาก

หน่วยงานอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศจีนเปิดเผยว่า ผลกำไรของอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ในจีนช่วงเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ 2024 อยู่ที่ 4.3% ซึ่ง ซึ่งลดลงจากในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาที่เคยมีผลกำไรอยู่ที่ 8.7% ในปี 2015 สอดรับกับสต๊อกรถยนต์ค้างสะสมเป็นจำนวนมากท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจจีนชะลอตัวทำให้ค่ายผลิตรถยนต์พลังงานใหม่ในจีนจำนวนมากต้องประกาศล้มละลายและปิดกิจการลง ภายในปี 2024 นี้ คาดการณ์ว่าจะมีบริษัทผลิตรถยนต์พลังงานใหม่ในประเทศจีนใกล้ภาวะล้มละลาย หรือล้มละลายเป็นจำนวนมากขึ้น ดังนั้น ทางออกของบริษัทที่ผลิตรถยนต์พลังงานใหม่ในจีนแผ่นดินใหญ่จึงตัดสินใจระบายสต็อกรถคงค้างด้วยการส่งออกเข้าไปยังตลาดในต่างประเทศ ที่ชัดเจนที่สุด คือตลาดรถยนต์ในอาเซียน สมาคมผู้ผลิตยานยนต์ในจีนแผ่นดินใหญ่เปิดเผยว่า ในปี 2023 ผ่านไปนั้น การส่งออกรถยนต์พลังงานใหม่จากจีนเพิ่มสูงขึ้นถึง 78% มีจำนวนทั้งหมด 1.2 ล้านคัน และในปีนี้คาดการณ์ว่าจะมีจำนวนพุ่งสูงขึ้นเป็น 3.5 ล้านคัน หรือ หรือเกือบ 3 เท่าจากในปีผ่านมา