ดาวโจนส์ปิดกระชากเฉียด 600 จุด น้ำมันดิบปิดดิ่งหลุด 100 ดอลลาร์

315
0
Share:

เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2565 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 33,544 จุด +599 จุด หรือ +1.82% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 4,262 จุด +89 จุด หรือ +2.14% และดัชนีหุ้นนาสแดค อยู่ที่ระดับ 12,948 จุด +367 จุด หรือ +2.92%
สาเหตุจากนักลงทุนมั่นใจในแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาที่อาจไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเงินอย่างยาวนาน หลังจากในคืนที่ผ่านมาตัวเลขเงินเฟ้อผู้ผลิตลดลงบ้างเล็กน้อย ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกดิ่งลงต่อเนื่องปิดต่ำกว่า 98 ดอลลาร์ ทำให้นักลงทุนมองว่าแนวโน้มเงินเฟ้อในสหรัฐอเมริกาที่สูงในรอบ 40 ปี อาจถึงจุดผ่อนคลาย

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนรอการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา ที่จะมีขึ้น 2 วันติดต่อกัน เริ่มวันพุธนี้ ซึ่งตามที่คาดการณ์ไว้ จะเป็นการประชุมที่มีผลให้ปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นครั้งแรกที่ 0.25% ในรอบ 2 ปี นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงคาดหวังการเจรจาระหว่างรัสเซียและยูเครนจะมีแนวโน้มในทางบวก ขณะที่ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกร่วงลงกว่า 8% หลุดระดับ 98 ดอลลาร์สหรัฐ

ตลาดซื้อขายสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า รายงานว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 96.44 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -6.57 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -6.38% ในช่วงระหว่างการซื้อขายราคาร่วงระนาวลงไปต่ำสุดระหว่างวันที่ 93.53 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือทรุดหนัก -8.75% ก่อนหน้านี้ ในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านไป มีราคาพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 99.91 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -6.99 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -6.54% ในช่วงระหว่างการซื้อขายราคา
ร่วงระนาวลงไปต่ำสุดระหว่างวันที่ 97.44 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือทรุดหนัก -8.73% ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล
สำหรับในสัปดาห์ที่ผ่านไป ราคาน้ำมันดิบทั้ง 2 แห่งร่วงระนาวถึง -5.7% และ -4.8% ตามลำดับ ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบทั้ง 2 แห่งในแง่รายสัปดาห์ ทำสถิติปิดร่วงลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2564 หรือในรอบ 4 เดือน

สาเหตุจากรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ประกาศมาตรการปิดล็อกดาวน์เมืองขนาดใหญ่ทางเศรษฐกิจหลายแห่ง เช่น เซี่ยงไฮ้ เสิ่นเจิ้น เป็นต้น หลังพบการระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา สร้างความกังวลการใช้น้ำมันดิบลดลง ขณะที่นักลงทุนติดตามผลการเจรจาระหว่างรัสเซียกับยูเครนในรอบที่ 4 รวมถึงรอผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาในการขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี ซึ่งจะประกาศในวันพุธตามเวลาสหรัฐอเมริกา

ราคาทองคำล่วงหน้านิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,917.70 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -38.10 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -2.2% ก่อนหน้านี้ ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2020 หรือในรอบ 18 เดือน

สาเหตุจากนักลงทุนรอการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา ที่จะมีขึ้น 2 วันติดต่อกัน เริ่มวันพุธนี้ ซึ่งตามที่คาดการณ์ไว้ จะเป็นการประชุมที่มีผลให้ปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นครั้งแรกในรอบ 2 ปี อย่างไรก็ตาม ยังคงให้ความสำคัญกับสถานการณ์วิกฤตรุนแรงของรัสเซียกับยูเครน หลังจากการเจรจาต่อรองของรัฐมนตรีต่างประเทศทั้ง 2 ประเทศ แทบไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดีดแข็งค่า รวมถึงผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริการะยะสั้นอายุ 10 ปี กลับมาปิดเหนือ 2%