ดาวโจนส์ปิดขึ้นเกือบ 140 จุด น้ำมันดิบปิดหลุด 100 ดอลลาร์

สาเหตุจากนักลงทุนเริ่มประเมินทิศทางการลงทุนในไตรมาสที่ 2 จากปัจจัยตัวเลขเศรษฐกิจ และผลประกอบการของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกา ท่ากลางโอกาสเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงในสหรัฐอเมริกา ในขณะนี้ พบว่า มี 66% จะเกิดขึ้นในปีนี้ และ 98% จะเกิดขึ้นในอีก 2 ปีหน้า

ตลาดซื้อขายสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า รายงานว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 99.27 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -1.01 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -1.01% ก่อนหน้านี้ มีราคาพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 104.39 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -3.52 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -0.3% ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

สาเหตุจากสมาชิกในกลุ่มสำนักงานพลังงานะระหว่างประเทศ หรือ ไออีเอ พร้อมสนับสนุนประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาประกาศปล่อยน้ำมันดิบ 180 ล้านบาร์เรลใน 6 เดือนติดต่อกัน หรือเฉลี่ยวันละ 1 ล้านบาร์เรลจากคลังสำรองน้ำมันดิบเชิงยุทธศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา เข้าสู่ตลาดโลก ทำสถิติปริมาณน้ำมันดิบจากคลังสำรองดังกล่าวเข้าสู่ตลาดมากที่สุดในรอบเกือบ 50 ปี เพื่อแก้ปัญหาวิกฤตราคาน้ำมันดิบ และน้ำมันสำเร็จรูปมีราคาแพง

ราคาทองคำล่วงหน้านิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,927.20 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -18.20 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -1.4% ในสัปดาห์นี้ ราคาทองคำตลาดโลกลดลง -1.4% ก่อนหน้านี้ ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2020 หรือในรอบ 18 เดือน

สาเหตุจากสถานการณ์สงครามรัสเซียกับยูเครนยังคงตกอยู่ในความไม่แน่นอนสูง และไม่มีความชัดเจนในผลการเจรจาสันติภาพแต่อย่างใด นอกจากนี้ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงอ่อนค่าในคืนผ่านมา รวมถึงความกังวลต่อภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐอเมริกาที่ไม่มีสัญญาณการผ่อนคลายลงแต่อย่างใด