ดาวโจนส์ปิดขึ้นเกือบ 50 จุด น้ำมันดิบร่วงปิดยืนเหนือ 113 ดอลลาร์

เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2565 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 32,120 จุด +191 จุด หรือ +0.60% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 3,978 จุด +37 จุด หรือ +0.95% และดัชนีหุ้นนาสแดค อยู่ที่ระดับ 11,434 จุด +170 จุด หรือ +1.51%

สาเหตุจากนักลงทุนหวนกลับเข้าซื้อหุ้นในหลากหลายกลุ่มที่ยังคงมีราคาตกต่ำในช่วงก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงประเมินสถานการณ์การลงทุนท่ามกลางปัจจัยลบของภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาจะเกิดภาวะถดถอย

ตลาดซื้อขายสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า รายงานว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 110.33 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +0.56 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 114.03 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +0.47 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

สาเหตุจากปริมาณสำรองน้ำมันดิบ และน้ำมันสำเร็จรูปโดยเฉพาะน้ำมันเบนซินรายสัปดาห์ในสหรัฐอเมริกาลดลงตามคาดหมาย
ราคาทองคำล่วงหน้านิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,852.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +12.80 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -0.70% ก่อนหน้านี้ ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2020 หรือในรอบ 18 เดือน

สาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐกลับแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้นทรงตัวระดับ 3% ซึ่งเคยเป็นสถิติสูงสุดในรอบ 3 ปี หลังเงินเฟ้อในเมษายนของสหรัฐอเมริกายังคงเพิ่มขึ้นที่ระดับ 8.3% ซึ่งสูงกว่าที่คาดไว้