ตลาดหุ้นสหรัฐปิดซื้อขายวันแรกของปี 65 ทำสถิติสูงเป็นประวัติการณ์

340
0
Share:
เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2565 (ตามเวลาในสหรัฐ) ตลาดหุ้นนิวยอร์ก สหรัฐ ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ปิดที่ระดับ 36,585 จุด +246 จุด หรือ +0.68% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 4,796 จุด +30 จุด หรือ +0.64% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 15,832 จุด +187 จุด หรือ +1.20% ส่งผลให้ดัชนีหุ้นดาวโจนส์และเอสแอนด์พี 500 ปิดทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ และเป็นการเปิดการซื้อขายวันแรกของปี 2565 ด้วย
สาเหตุจากนักลงทุนยังคงมีมุมมองการลงทุนในทางบวกกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาที่ขยายตัวแข็งแกร่ง การคาดการณ์ผลประกอบการของบริษัทในไตรมาสที่ 4 ของตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาน่าจะออกมาดีต่อเนื่อง หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเต็มไปด้วยแรงซื้อที่คึกคักมากในคืนที่ผ่านมา โดยเฉพาะหุ้นบริษัทแอปเปิล อินคอร์ปอเรชั่น พุ่งสูงขึ้นทำให้มูลค่าแอปเปิล อินคอร์ปอเรชั่น ทะลุ 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นครั้งแรก หรือกว่า 102 ล้านล้านบาท
เมื่อปี 2021 ที่พึ่งผ่านไปนั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เต็มไปด้วยปัจจัยบวก ส่งผลให้ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง พุ่งทะยานถึง +18.73%, +26.89% และ +21.39% ตามลำดับ โดยดัชนีหุ้นดาวโจนส์และนาสแดคให้ผลตอบแทนบวกถึง 3 ปีติดต่อกัน นอกจากนี้ในปี 2021 ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ และเอสแอนด์พี 500 ปิดทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์โดยเฉพาะดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ทำสถิติปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์รวมถึง 70 ครั้งในปีนี้ ซึ่งมากเป็นประวัติการณ์ครั้งที่ 2 รองจากในปี 1995 ที่มีสถิติปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ถึง 77 ครั้ง โดยเฉพาะดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดทำสถิติมากเป็นประวัติการณ์อย่างน้อยทุกๆเดือน ซึ่งเกิดขึ้นนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2020 มาถึงสิ้นปีนี้
สาเหตุจากการฟื้นตัวและขยายตัวอย่างแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟดใช้นโยบายดอกเบี้ยระยะสั้นต่ำเป็นประวัติการณ์มาทั้งปี นอกจากนี้ ใช้มาตรการซื้อคืนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐในระบบการเงินตลอดปีนี้ ผลประกอบการของบริษัทในตลาดหุ้นออกมาดีมาก โดยเฉพาะมีอัตราผลประกอบการพุ่งสูงถึง 45.1% เมื่อเทียบกับปี 2020 ส่งผลให้ในปีนี้ อัตราผลประกอบการของบริษัทในตลาดหุ้นสหรัฐเติบโตมากที่สุดในรอบ 13 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2008 เป็นต้นมา หรือตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจสถาบันการเงินในสหรัฐอเมริกาล่มสลาย ซึ่งเรียกกันคุ้นหูว่า วิกฤตเศรษฐกิจแฮมเบอร์เกอร์
สำหรับหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมที่นำตลาดหุ้นนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ในปี 2021 คือ กลุ่มพลังงาน และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ โดยทั้ง 2 กลุ่มขยายตัวกว่า 40% ตามด้วยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และสถาบันการเงิน ขยายตัวกว่า 30%
ตลาดซื้อขายสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า รายงานว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 74.69 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -0.52 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -0.7% ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 77.36 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -0.42 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -0.5%
สาเหตุจากกลุ่มโอเปกพลัสจะมีมติการประชุมในวันอังคารที่ 4 มกราคมนี้ว่า จะปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบของทั้งกลุ่ม นอกจากนี้ สถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19 ทั่วโลก ยังคงเป็นความกังวลของตลาดน้ำมันดิบโลก
สำหรับตลาดน้ำมันดิบโลกสิ้นสุดปี 2021 ตลาดน้ำมันดิบทั้ง 2 แห่งมีราคาพุ่งทะยานสูงถึง 57% และ 53% ตามลำดับ ทำสถิติราคาน้ำมันดิบที่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุดในรอบ 12 ปีผ่านมา หรือนับตั้งแต่ปี 2009 เป็นต้นมา ซึ่งในปี 2009 ตลาดน้ำมันดิบโลกให้ผลตอบแทนพุ่งสูงถึงกว่า 70%
ราคาทองคำล่วงหน้านิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,800 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +8.90 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -1.6% สาเหตุจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริการะยะสั้นอายุ 10 ปี พุ่งสูงในรอบ 6 สัปดาห์ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับแข็งค่าสูงขึ้น
เมื่อปีที่ผ่านไป การลงทุนทองคำตลาดโลกในปี 2021 ทำให้ผลตอบแทนลดลง 4% ทำสถิติเป็นปีที่ให้ผลตอบแทนรายปีติดลบมากที่สุดในรอบ 6 ปีผ่านมา หรือนับตั้งแต่ปี 2015
สาเหตุจากธนาคารกลางขนาดใหญ่ของโลกมีมติที่ขัดเจนในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในปี 2022 เช่น ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา ธนาคารกลุ่มยูโร ธนาคารกลางอังกฤษปรับขึ้นดอกเบี้ยไปแล้วเมื่อเดือนธันวาคม นอกจากนี้ ธนาคารกลางสหรัฐยุติมาตรการซื้อคืนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาในระบการเงินเร็วขึ้นจากกำหนดเดิม ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเทียบสกุลสำคัญเฉลี่ยแข็งค่าในปีนี้ รวมถึงผลตอบแทนจากพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้นอายุ 10 ปี เฉลี่ยในระดับสูงในปี 2021