ตลาดหุ้นไทยปิดร่วงลงกว่า 14 จุด ปัจจัยการเมืองไม่นิ่ง ผลประกอบการ บจ.ลดลง ปัญหาศก.จีน

ดัชนี SET Index ตลาดหุ้นไทย ปิดตลาดอยู่ที่ 1,520.73 จุด ปรับลง 14.43 จุด หรือ 0.94% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 48,598 ล้านบาท ดัชนีตลาดหุ้นไทยผันผวนในทิศทางปรับตัวลดลงเกือบทั้งวัน ซึ่งดัชนีฯ ทำจุดต่ำสุดวันนี้อยู่ที่ 1,517.34 จุด และสูงสุดอยู่ที่ 1,535.97 จุด

สำหรับ 3 หุ้นที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด ได้แก่
1. KBANK มูลค่า 3,246.75 ล้านบาท ราคาหุ้นอยู่ที่ 127.00 บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ 0.78%
2. CPALL มูลค่า 1,693.38 ล้านบาท ราคาหุ้นอยู่ที่ 62.00 บาท เพิ่มข้ึน 0.50 บาท หรือ 0.81%
3. PTTEP มูลค่า 1,530.88 ล้านบาท ราคาหุ้นอยู่ที่ 161.50 บาท ลดลง 4.50 บาท หรือ 2.71%

ตลาด SET50 ปิดที่ 939.78 จุด ปรับ -11.45 จุด หรือ -1.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 32,271.02 ล้านบาท

ตลาด mai ปิดที่ 458.53 จุด ปรับ -1.27 จุด หรือ -0.28% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1,410.73 ล้านบาท

นายประกิต สิริวัฒนเกตุ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ กล่าวว่าวันนี้ดัชนีฯ ปรับตัวลดลงเนื่องจากปัจจัยการเมืองไม่นิ่ง ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนโดยรวมลดลงเฉลี่ย 18% เมื่อเทียบรายปี (YoY) และหุ้นกลุ่มพลังงานได้รับแรงกดดันจากนโยบายของรัฐบาลใหม่ที่ต้องการลดราคาพลังงานหลายรายการ

วันพรุ่งนี้ (16 ส.ค.) ประเมินว่าดัชนีฯ มีแนวโน้มแกว่งในกรอบ 1,510-1,525 โดยหากวันศุกร์ที่ 18 ยังไม่สามารถเลือกนายกรัฐมนตรีได้อาจลงมาทดสอบ 1,500 จุด

นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงรับแรงกดดันจาก Sentiment ตลาดหุ้นทั่วโลกที่ปรับตัวลงกันถ้วนหน้า ไม่ว่าจะเป็น ฮ่องกง จีน สิงคโปร์ รวมถึงตลาดหุ้นยุโรป และดาวโจนส์ฟิวเจอร์ ขณะเดียวกันตลาดก็รับรู้ปัจจัยบวกไปค่อนข้างมากแล้ว โดยเฉพาะในเรื่องของการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีที่มาจากพรรคเพื่อไทย อีกทั้งยังมีแรง Sell on fact หลังผลประกอบการไตรมาส 2/66 ทยอยประกาศออกมา

นอกจากนี้ Bloomberg consensus ปรับลดคาดการณ์ EPS ตลาดหุ้นไทยลงเหลือ 91 บาท/หุ้น จากต้นปีอยู่ที่ 106 บาท/หุ้น ทำให้ P/E ตลาดปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 16.7 เท่า ซึ่งถือว่าไม่ถูกแล้ว โดยแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันพรุ่งนี้คาด ดัชนีฯ มีโอกาสเด้งจำกัด หลังพื้นฐานดูไม่ดี จากกำไรถูกปรับลงแรง ให้แนวรับไว้ที่ 1,510 จุด และแนวต้าน 1,530 จุด