ตลาดหุ้นไทยปิดวันนี้ร่วงแรงกว่า 14.81 จุด บอนด์ยีลด์พุ่ง-กังวลสงครามยืดเยื้อ

ดัชนี SET Index ตลาดหุ้นไทยปิดตลาดอยู่ที่ 1,423.04 จุด ปรับร่วงลง 14.81 จุด หรือ-1.03% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 36,492.93 ล้านบาท โดยดัชนีแกว่งไซด์เวย์ โดยดัชนีทำจุดต่ำสุด 1,419.39 จุด ทำจุดสูงสุดที่ 1,428.75 จุด

3 อันดับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
1. PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,919.60 ล้านบาท ปิดที่ 171.50 บาท ลดลง 3.50 บาท
2. CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,416.65 ล้านบาท ปิดที่ 56.25 บาท ลดลง 1.00 บาท
3. PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,293.33 ล้านบาท ปิดที่ 33.50 บาท ลดลง 0.50 บาท

ตลาด SET50 ปิดที่ 877.98 จุด ปรับ -10.35 จุด หรือ -1.17% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 23,146.94 ล้านบาท

ตลาด mai ปิดที่ 415.95 จุด ปรับ +0.58 จุด หรือ +0.14% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 991.30 ล้านบาท

บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) ระบุว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงสอดคล้องกับตลาดภูมิภาค โดยได้รับแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพัธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) 10 ปี ปรับตัวขึ้นใกล้แตะระดับ 5% และความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสที่มีโอกาสยืดเยื้อ หลังจากยังไม่เห็นภาพของการเจรจาร่วมกัน รวมทั้งราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูงจะกดดันเงินเฟ้อ โดยคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะคงอัตราดอกเบี้ยนานขึ้น

นักลงทุนติดตามนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งมีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในคืนวันนี้ หากไม่มีการส่งสัญญาณที่จะขึ้นดอกเบี้ยในเดือน พ.ย. ตลาดอาจจะผ่อนคลายความกังวลมากขึ้น เนื่องจากตอนนี้นักลงทุนให้น้ำหนักในการประชุมวันที่ 1 พ.ย. ประมาณ 80-90% ว่ายังคงอัตราดอกเบี้ย ดังนั้นในวันพรุ่งนี้ตลาดจะรีบาวด์ได้ขึ้นอยู่กับถ้อยแถลงของประธานเฟด รวมทั้งหากบอนด์ยีลด์มีการชะลอตัวลงมาพรุ่งนี้ดัชนีน่าจะฟื้นตัวได้บ้าง พร้อมให้แนวรับไว้ที่ 1,415 จุดและแนวต้าน 1,430 จุด