ตลาดแรงงานเดือด! งาน work-life balance อันดับ1 คนไทยอยากทำ สายงานดิจิทัล AI มีแนวโน้มถูกดึงตัว
คุณดวงพร พรหมอ่อน กรรมการผู้จัดการ บริษัท จัดหางาน จ๊อบส์ ดีบี (ประเทศไทย) จำกัด เผยผลสำรวจจาก Global Talent Survey ซึ่งเป็นการสำรวจผ่านเว็บไซต์และการวิเคราะห์ ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของ Boston Consulting Group (BCG) และ The Network ในปี 2565 โดยผลสำรวจนี้สามารถนำไปใช้ได้จริงและช่วยให้ผู้ประกอบการเชื่อมต่อกับผู้สมัครงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ผู้ร่วมตอบแบบสอบถามทั้งหมด 90,547 คน จาก 160 ประเทศ ในหลากหลายอุตสาหกรรม นอกจากนี้ยังมีการทำแบบสำรวจจำเพาะเพื่อโฟกัสตลาดแรงงานในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีผู้ร่วมตอบแบบสำรวจ จำนวน 97,324 คน จาก 6 ประเทศในภูมิภาคเอเชีย โดยที่ประเทศไทย มีจำนวนผู้ร่วมตอบแบบสำรวจชุดนี้ ทั้งหมด 2,636 คน
5 สายงานสุดปัง ที่ตลาดแรงงานไทยต้องการสูง
“จากผลสำรวจชุดนี้ พบว่าแนวโน้มตลาดแรงงานในปัจจุบันทั้งในประเทศไทย ระดับเอเชีย หรือระดับโลก เป็นไปในทิศทางเดียวกัน คือผู้หางานรู้ตัวว่ากำลังเป็นที่ต้องการมีอำนาจการต่อรองในด้านบวก โดยเฉพาะในประเทศไทยที่ฟื้นตัวหลังจากสถานการณ์โควิด 19 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ทำให้เริ่มเกิดการแข่งขันสูงในตลาดแรงงาน แม้จะเด็กจบใหม่จำนวนมาก แต่องค์กรหรือผู้ประกอบการยังมองหาผู้ที่มีประสบการณ์ในสายงานมากกว่า ทำให้ผู้สมัครเกิดความรู้สึกมั่นใจในอำนาจการต่อรอง แม้ผู้ตอบแบบสำรวจชาวไทยจะมีค่าเฉลี่ยของความถี่ในการได้รับข้อเสนองานน้อยกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก แต่โดยรวมยังนับเป็นข้อเสนอในความถี่ระดับปกติ
โดยตำแหน่งงานที่ได้รับข้อเสนองานทุกสัปดาห์ 5 อันดับแรก ได้แก่
อันดับ 1 ดิจิทัล การจัดการ และวิเคราะห์ข้อมูล และ AI 37%
อันดับ 2 สื่อ ศิลปะ และการออกแบบ 36%
อันดับ 3 การบริการและการต้อนรับ 34%
อันดับ 4 บริการทางการเงิน 30%
อันดับ 5 บริการด้านสุขภาพและสังคม 30%
“ซึ่ง 5 สายงานนี้เป็นอาชีพที่มาแรงและเป็นที่ต้องการของตลาด เนื่องจากประเทศไทยกำลังเดินหน้าสู่ยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบ ทุกธุรกิจต้องการบุคลากรที่เข้าใจงาน และพร้อมเปลี่ยนแปลง จะเห็นว่าทั้ง 5 สายงานมีจุดเชื่อมโยงกัน คือ ทักษะด้านการวางแผน การดำเนินการ และการสื่อสาร เกี่ยวข้องกับปัจจัยสำคัญในชีวิตด้านการเงิน สุขภาพ และสังคม คาดว่าในปี 2567 จะพบธุรกิจใหม่ๆ เหล่านี้ในรูปแบบดิจิทัลมากขึ้น“
3 แรงจูงใจระยะยาว มัดใจผู้สมัคร
ผลสำรวจชุดนี้ นอกจากเป็นประโยชน์กับผู้ประกอบการหรือองค์กรที่มีความต้องการบุคลากรที่มีความต้องการสูงในตลาดแรงงานแล้ว ยังพบนัยยะสำคัญถึงความต้องการที่แท้จริงของผู้สมัคร ผู้ประกอบการจึงสามารถนำจุดนี้ไปพัฒนากระบวนการสรรหา หรือรักษาบุคลากรในองค์กรให้คงอยู่ ด้วยแรงจูงใจระยะยาว จากแบบสำรวจของไทย พบว่า 3 อันดับแรกของแรงจูงใจ ได้แก่
อันดับ 1 งานที่มั่นคงและมีสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน 77%
อันดับ 2 ทำงานในบริษัทที่ดี และเติบโตสู่ตำแหน่งงานที่สูงขึ้น 55%
อันดับ 3 ต้องการมีธุรกิจที่ประสบความสำเร็จเป็นของตน 32%
“77% ของผู้ตอบแบบสำรวจชาวไทย ต้องการงานที่มั่นคงและมีสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานที่ดีเช่นเดียวกับค่าเฉลี่ยทั่วโลก รองลงมา 55% ต้องการเติบโตไปสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้น และ 32% ต้องการมีธุรกิจส่วนตัว ปัจจัยหลักที่ทำให้ปฏิเสธงานทันที คือ ค่าตอบแทนและความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน หากไม่สมเหตุสมผลก็จะปฏิเสธข้อเสนองานทันที ในขณะเดียวกันก็เป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจรับข้อเสนองานเช่นเดียวกับผู้สมัครงานทั่วโลก คุณค่าของการได้ร่วมงานกับองค์กรที่มีชื่อชื่อเสียงหรือความหมายของงานเป็นข้อพิจารณาที่ให้ความสำคัญน้อยกว่าเล็กน้อย“
ในส่วนของรูปแบบการทำงานที่ผู้ประกอบการไทยอาจต้องปรับตัวคือ ระบบทำงานเต็มเวลาที่สำนักงาน เพราะปัจจุบันจากผลสำรวจพบว่า บุคลากรมีการคำนึงถึงเวลาทำงาน ที่มีความต้องการแบบ hybrid working สูงมากขึ้น เพราะผู้ตอบแบบสำรวจชาวไทยลังเลที่จะกลับไปทำงานเต็มเวลาที่สำนักงาน มีเพียง 22% เท่านั้นที่ต้องการกลับไปทำงานที่สำนักงาน ซึ่งต่างจาก 35% ของผู้ตอบแบบสำรวจทั่วโลกที่พร้อมทำงานเต็มเวลาที่สำนักงานมากกว่าทำงานที่บ้าน ในขณะที่เวลาทำงานที่ต้องการ คนไทย 69% ยังคงต้องการทำงาน 5 วันต่อสัปดาห์ และ 21% ต้องการทำงานแบบพาร์ทไทม์
“ถ้าผู้ประกอบการกำลังมองหาวิธีดึงดูดผู้สมัครที่ตรงกับความต้องการ ต้องมีข้อเสนอที่ดี เงินเดือนและสิทธิประโยชน์ที่ดีกว่าบริษัทเดิม ตำแหน่งงานที่สูงกว่า และทำให้ผู้สมัครงานเห็นว่า โอกาสก้าวหน้าในที่ทำงานดีกว่าเดิม ซึ่ง 3 ข้อนี้ สามารถดึงดูดใจ เพิ่มความน่าสนใจแก่ผู้สมัครงานได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีคุณสมบัติตามที่ผู้ประกอบการมองหา แม้ว่าเขาจะไม่ได้กำลังมองหางานใหม่ก็ตาม แต่ด้วยข้อเสนอดังกล่าว มีผลในการพิจารณารับข้อเสนองานใหม่“
“ผู้ประกอบการหรือองค์กรต้องเข้าใจและปรับตัว พัฒนากระบวนการ ปรับปรุงกลยุทธ์การสรรหา และข้อเสนอ เลือกใช้ดิจิทัลโซลูชันในการสรรหาบุคลากรเพื่อให้ราบรื่นและรวดเร็วขึ้น มองให้ไกลกว่าความนิยมของตลอดและมหาวิทยาลัย จ้างงานคน 70% ที่เหมาะสมกับองค์กร และฝึกฝนอีก 30% ที่เหลือ ปลดล็อกผู้มีความสามารถภายในบริษัท พนักงานปัจจุบันจะรู้สึกว่า องค์กรให้ความสำคัญ และไม่ต้องการลาออกในสถานการณ์ตลาดแรงงานที่แข่งขันสูงในปัจจุบัน” คุณดวงพร กล่าวทิ้งท้าย