ตะลึงธุรกิจเอกชนทั่วโลกชักดาบเจ้าหนี้มากสุดในรอบ 2 ปีกว่า สูงสุดตั้งแต่เกิดโควิด-19

มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ซึ่งเป็นบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือหรือเรตติ้งการลงทุนชั้นนำระดับโลกในสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า ในไตรมาสที่ 1 ปีนี้ มีบริษัทเป็นจำนวนมากทั่วโลกที่ผิดนัดชำระหนี้ หรือ Default กับเจ้าหนี้ เพิ่มมากขึ้นกว่าทุกๆไตรมาสนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ปี 2020 เป็นต้นมา หรือในรอบ 2 ปี 3 เดือน

สำหรับไตรมาสที่ 1 ปีนี้ พบว่า มีบริษัท 33 แห่งที่ไม่สามารถชำระหนี้ตามกำหนดเวลา หรืออยู่ในสถานะผิดนัดชำระหนี้กับเจ้าหนี้ ทำสถิติจำนวนมากที่สุดในรอบ 2 ปี 3 เดือน หรือนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ของปี 2020 ที่มีบริษัท 47 แห่งไม่สามารถชำระหนี้ตามกำหนดเวลา ได้ นอกจากนี้ จำนวนบริษัท 33 แห่งดังกล่าว พบว่ามีจำนวน 15 แห่ง ที่ผิดนัดชำระหนี้กับเจ้าหนี้ ซึ่งเกิดขึ้นในเดือนมีนาคมผ่านมา

สถานการณ์การผิดนัดชำระหนี้ขององค์กรเอกชนจนนำไปสู่การปิดกิจการ และถูกควบคุมโดยทางการในช่วงกว่าเดิอนผ่านมา ได้แก่ ธนาคารซิลลิคอน วัลเล่ย์ แบงก์ หรือ SVB และธนาคารซิกเนเจอร์ แบงก์ หรือ SB ในสหรัฐอเมริกา

ในเดือนมีนาคมที่ผ่านไป พบว่า ส่วนใหญ่ของธุรกิจเอกชนที่ผิดนัดชำระหนี้เกิดขึ้นในกลุ่มธุรกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน โดยบริษัทไดมอนด์ สปอร์ต กรุ๊ป ที่ทำธุรกิจด้านการแพร่ภาพและเสียงการแข่งขันกีฬาในสหรัฐอเมริกา ทำสถิติมูลค่าผิดนัดชำระหนี้ในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐมากที่สุดในเดือนมีนาคม

ในสหราชอาณาจักร พบว่าจำนวนธุรกิจที่ตกอยู่ในสถานะล้มละลายในเดือนมีนาคมเพิ่มขึ้น 16% ซึ่งสูงมากกว่าในช่วงที่เกิดวิกฤตโรคระบาดโควิด-19 เนื่องจากในช่วงเวลาดังกล่าว เจ้าของธุรกิจในสหราชอาณาจักรได้รับการช่วยเหลือให้ธุรกิจสามารถดำเนินกิจการไปต่อได้สักพักหนึ่ง

สาเหตุเกิดจากปัจจัยที่ผสมผสานกันระหว่างต้นทุนการกู้ยืมเงินอยู่ในอัตราที่สูงมาก และภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวมาก ได้ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการจ่ายหนี้คืนเจ้าหนี้ ทำให้หุ้นกู้ของบริษัทที่ถูกจัดอยู่ในประเภทความเสี่ยงสูง หรือเป็นที่รู้จักกันดีว่าหุ้นกู้ขยะ หรือ Junk Bond

มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส คาดการณ์ว่าภายในสิ้นสุดไตรมาสที่ 1 ปี 2024 อัตราการผิดนัดชำระหนี้ของหุ้นกู้ขยะ หรือ Junk Bond จะเพิ่มขึ้นเป็น 4.9% ซึ่งสูงกว่าอัตราเฉลี่ยระยะยาวที่ระดับ 4.1%