ตายวันละกว่า 25,000! คลายล็อกโควิด-19 ในจีน ส่อตายรายวันกว่า 25,000 รายหลังตรุษจีน

แอร์ฟินิตี้ องค์กรวิจัยด้านสาธารณสุขในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เปิดเผยว่า จำนวนประชาชนชาวจีนแผ่นดินใหญ่ที่เสียชีวิตจากโรคระบาดโควิด-19 จะพุ่งสูงอย่างก้าวกระโดดถึงเฉลี่ยวันละ 25,000 ราย หลังผ่านพ้นวันตรุษจีนในปี 2023 โดยคาดว่าจำนวนผู้เสียชีวิตรายวันดังกล่าวอาจเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 23 มกราคม 2023 เป็นต้นไป

ขณะที่ จำนวนประชาชนชาวจีนแผ่นดินใหญ่ติดเชื้อรายวันจะพุ่งทะยานสูงอย่างก้าวกระโดดเป็นเวลาถึง 10 วันติดต่อกันอยู่ที่เฉลี่ยวันละ 3.7 ล้านราย

สำหรับในปัจจุบัน ทีมวิจัยซึ่งครอบคลุมถึงนักระบาดวิทยา ประเมินว่า ขณะนี้มีประชาชนชาวจีนแผ่นดินใหญ่ติดเชื้อรายวันสูงกว่า 1.8 ล้านราย ในขณะที่ผู้เสียชีวิตรายวันมีมากกว่า 9,000 ราย โดยเฉพาะตัวเลขคาดการณ์เสียชีวิตรายวันเพิ่มขึ้นเกือบ 1 เท่าตัวจากตัวเลขที่ประเมินช่วงต้นเดือนธันวาคมที่มากกว่าวันละ 5,000 ราย

สิ่งสำคัญ คือ ตัวเลขคาดการณ์ดังกล่าวพุ่งสูงกว่าการรายงานจำนวนผู้เสียชีวิตจากคณะกรรมาธิการสาธารณสุขแห่งชาติจีนแผ่นดินใหญ่ที่ระบุว่าเสียชีวิตเพียง 12 ราย นับตั้งแต่รัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ตัดสินใจเร่งผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคระบาดโควิด-19 อย่างทันทีเมื่อกลางเดือนธันวาคมที่ผ่านมา รวมถึงตัดสินใจยกเลิกการรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตรายวันนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

แอร์ฟินิตี้ คาดการณ์ว่าเมื่อสิ้นสุดเมษายน 2023 หรืออีก 4 เดือนจากนี้ไป ประชาชนจีนแผ่นดินใหญ่จะเสียชีวิตจากโรคระบาดโควิด-19 รวมสะสมสูงถึง 1.7 ล้านรายภายใต้การระบาดในระลอกปัจจุบัน

ทีมวิจัยแอร์ฟินิตี้ เปิดเผยว่า การคาดการณ์ตัวเลขทั้งหมดได้รับข้อมูลจากตัวเลขของรัฐบาลแต่ละมณฑล หรือรัฐบาลท้องถิ่น ซึ่งพบว่ามีการรายงานตัวเลขทั้งผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตรายวันสูงกว่าตัวเลขที่รายงานโดยรัฐบาลกลางอย่างมาก และนำไปประกอบกับเหตุการณ์จริงที่เคยเกิดขึ้นเมื่อฮ่องกง ญี่ปุ่น และประเทศอื่นๆในเอเชีย หลังจากแต่ละประเทศได้ยกเลิกหรือผ่อนคลายมาตรการควบคุมและป้องกันโรคโควิด-19

นายหวู จุนหยู หัวหน้าสำนักระบาดวิทยา ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคระบาดแห่งชาติ จีนแผ่นดินใหญ่ กล่าวว่า ขณะนี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในกรุงปักกิ่ง เทียนจิน และเฉิงตูในมณฑลเสฉวน มีแนวโน้มถึงจุดสูงสุด ในทางตรงกันข้าม สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในเซี่ยงไฮ้ ฉงชิ่ง อันฮุย หูเป่ย และหูหนาน ยังคงตกอยู่ในภาวะที่รุนแรง