ต่างชาติเชื่อมั่นลงทุนไทยเข้าโซนซบเซา แห่เทขายหุ้นไทยเกือบ 120,000 ล้าน

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย หรือ FETCO เปิดเผยเกี่ยวกับดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน ประจำเดือนกรกฎาคม 2566 ซึ่งสำรวจระหว่างวันที่ 20-31 กรกฎาคม 2566 พบว่าดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 83.45 ปรับขึ้นเล็กน้อย 2.2% จากเดือนก่อนหน้านี้ที่อยู่ในเกณฑ์ทรงตัว

นอกจากนี้ ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนบุคคล กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ และกลุ่มนักลงทุนสถาบัน อยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว” อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศกลับอยู่ในเกณฑ์ซบเซา

นักลงทุนมองว่า ปัจจัยบวกหลังจากนึ้ คือการจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งจะเป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด รองลงมาคือการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว และการไหลเข้าของเงินทุน

แต่สำหรับปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุดคือ ความไม่แน่นอนในการจัดตั้งรัฐบาล การประกาศจะจัดเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะจากการขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ และสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ

สำหรับผลสำรวจรายกลุ่มประเภทนักลงทุน พบว่า มีเพียงความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างประเทศปรับลดลง 33.3% อยู่ที่ระดับ 66.67 ในขณะที่กลุ่มอื่นปรับเพิ่มขึ้น ได้แก่ นักลงทุนบุคคลปรับเพิ่ม 42.7% อยู่ที่ระดับ 93.94 กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับเพิ่ม 125.0% อยู่ที่ระดับ 112.5 และกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับเพิ่ม 16.7% อยู่ที่ระดับ 100.00

สำหรับสภาพการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ไทย พบว่าในเดือนกรกฎาคม ปริมาณซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 46,002 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิกว่า 12,558 ล้านบาท ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 ของปีนี้ โดยตั้งแต่ต้นปี 2566 นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิรวมกว่า 118,181 ล้านบาท

ปัจจัยในประเทศที่กระทบการลงทุน คือ การเลือกนายกรัฐมนตรีและการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งหากล่าช้าจะกระทบต่อเศรษฐกิจและงบประมาณปี 2567 ความขัดแย้งทางการเมืองหลังการเลือกตั้งที่อาจนำไปสู่การก่อความไม่สงบ

การชะลอตัวของภาคการส่งออกที่อาจได้รับผลกระทบจากแนวโน้มการแข็งค่าของค่าเงินบาท และจากการที่ภาวะเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้ายังคงซบเซาจากแรงกดดันด้านอัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง รวมถึงสถานการณ์ภาคท่องเที่ยวในประเทศที่อาจไม่โตเท่าที่คาดการณ์ไว้