ทอท.เล็งชงรัฐบาลใหม่รับโอนสนามบินภูมิภาค เดินหน้าลงทุนขยายขีดความสามารถท่าอากาศยานไทย

161
0
Share:
ทอท. เล็งชง รัฐบาลใหม่ รับโอน สนามบินภูมิภาค เดินหน้าลงทุนขยายขีดความสามารถท่าอากาศยานไทย

นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า จากการหารือร่วมกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ถึงการเตรียมความพร้อมพัฒนาขีดความสามารถของอุตสาหกรรมการบิน ซึ่งเป็นกลไกที่สร้างรายได้ฟื้นฟูเศรษฐกิจได้อย่างเร่งด่วน ทอท.ได้ยืนยันถึงความพร้อมในการลงทุนท่าอากาศยานต่างๆ ที่อยู่ภายใต้การดูแล ทั้งส่วนของท่าอากาศยานดอนเมือง ระยะที่ 3 ที่ผ่านการเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อปี 2565 ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนออกแบบก่อสร้าง

รวมไปถึงโครงการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 เพื่อเพิ่มขีดความสามารถรับผู้โดยสารจาก 45 ล้านคนต่อปี เป็น 60 ล้านคนต่อปี โครงการท่าอากาศยานภูเก็ต ระยะที่ 2 ก่อสร้างอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ เพิ่มการรองรับเป็น 14 ล้านคนต่อปี และโครงการท่าอากาศยานเชียงใหม่ ที่จะก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ เพิ่มการรองรับเป็น 18 ล้านคนต่อปี

นอกจากนี้ ทอท.ยังยืนยันความพร้อมของการเข้าบริหารท่าอากาศยานภูมิภาคของกรมท่าอากาศยาน (ทย.) ที่ ครม.อนุมัติไว้แล้วจำนวน 3 แห่ง ประกอบด้วย อุดรธานี บุรีรัมย์ และกระบี่ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้รับทราบพร้อมผลักดันแผนรับโอนท่าอากาศยานภูมิภาค อีกทั้งยังได้กำชับให้ ทอท.มองการลงทุนรับโอนส่วนของท่าอากาศยานอื่นๆ ที่ไม่ทำกำไรในปัจจุบัน และนำไปพัฒนาให้เกิดกำไร

โดย 6 ท่าอากาศยานภูมิภาค ที่ ทอท. จะพิจารณาเข้าไปรับโอนมาบริหารเพิ่มเติม ส่วนใหญ่จะเป็นท่าอากาศยานที่มีศักยภาพอยู่แล้ว และสามารถสนับสนุนให้ ทอท. ทำเส้นทางการบินเชื่อมต่อระหว่างภูมิภาคได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ ท่าอากาศยานพิษณุโลก ท่าอากาศยานแม่สอด ท่าอากาศยานอุบลราชธานี ท่าอากาศยานขอนแก่น ท่าอากาศยานตรัง และท่าอากาศยานระนอง

ทั้งนี้ ทอท. ประเมินว่าปริมาณผู้โดยสารในสิ้นปีงบประมาณ 2566 จะสูงเกินกว่าคาดการณ์ไว้ราว 25% เช่นเดียวกับรายได้และกำไรก็จะมีอัตราการเติบโตสอดคล้องกัน ขณะที่ภาพรวม 3 ไตรมาสในปีงบประมาณ 2566 ทอท.มีกำไรรวมแล้วกว่า 5 พันล้านบาท โดยแนวโน้มในไตรมาส 4 ปีนี้ก็ประเมินว่าจะมีทิศทางเป็นบวก ทำให้ ทอท. จะมีกระแสเงินสด (แคชโฟว์) ไปใช้หนี้เงินกู้ต่างๆ ที่ดำเนินการกู้มาในช่วงโควิด-19 โดยประเมินว่าในปี 2567 จะเป็นปีที่ ทอท.มีรายได้เป็นบวก มีเงินสดสะสมเหลือเพียงพอใช้ในการลงทุนโครงการต่างๆ ได้