ทำกำไรก่อน! ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดลงเกือบ 50 จุด

394
0
Share:

เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2565 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 32,789 จุด -46 จุด หรือ -0.14% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 4,118 จุด -11 จุด หรือ -0.28% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 12,368 จุด -21 จุด หรือ -0.18%

ในสัปดาห์ที่ผ่านไป โดยเฉพาะช่วง 3 วันทำการติดกันสุดท้าย ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่งพุ่งทะยานสูงถึง +1,083, +207 และ +787 จุด ตามลำดับ นอกจากนี้ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ยังปิดทะยานขึ้น +3%, +4.3% และ +4.7% ตามลำดับ ในขณะที่สิ้นสุดเดือนกรกฎาคม ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ทะยาน 6.7% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 พุ่งมากถึง 9.1% และดัชนีหุ้นนาสแดค พุ่งทะยานถึง 12.4% แต่ยังคงอยู่ในภาวะดัชนีหุ้นหมี หรือ Bear Market ทำให้ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่งทำสถิติรายเดือนที่ดีที่สุดในรอบ 1 ปี 8 เดือน หรือนับตั้งแต่พฤศจิกายน ปี 2020

สาเหตุจากนักลงทุนขายทำกำไรช่วงสั้นๆ หลังจากดัชนีหุ้นพุ่งทะยานสูงต่อเนื่องในช่วงปลายสัปดาห์ผ่านไป ท่ามกลางตัวเลขดัชนีค่าใช้จ่ายในการบริโภคประชาชนชาวอเมริกันในเดือนมิถุนายนออกมาพุ่งสูงถึง 6.8% ซึ่งไม่เพียงเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้านี้ แต่ยังทำสถิติพุ่งสูงสุดในรอบ 40 ปี 6 เดือน หรือนับตั้งแต่มกราคม ปี 1982 แต่การที่เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาเกิดภาวะถดถอยตามทฤษฎี หรือทางเทคนิคแล้วนั้น ทำให้นักลงทุนมองว่าจะเป็นแรงกดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาอาจลดน้ำหนักในการตัดสินใจปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นไม่รุนแรงในการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 21-22 กันยายน

ตลาดซื้อขายสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า รายงานว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 93.89 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -4.73 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -4.8% ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 100.03 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -3.94 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -3.79% ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านไป ราคาน้ำมันดิบทั้ง 2 แห่งรายเดือนร่วงเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน นับเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 ปีผ่านมา หรือนับตั้งแต่ปี 2020 ขณะที่สำนักงานรอยเตอร์ส ปรับลดราคาน้ำมันดิบคาดการณ์เฉลี่ยทั้ง 2 แห่งในปี 2022 ลงมาอยู่ที่ 101.28 และ 105.75 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล นับเป็นการปรับลดครั้งแรกในรอบ 3 เดือนผ่านมา หรือตั้งแต่เมษายนที่ผ่านมา

สาเหตุจากตัวเลขภาคการผลิตในอุตสาหกรรมของจีนแผ่นดินใหญ่ตกต่ำอย่างมาก ซึ่งเป็นผลจากนโยบายไม่อยู่ร่วมกับโรคระบาดโควิด-19 ของจีนแผ่นดินใหญ่ รวมถึงดัชนีการจัดซื้อภาคอุตสาหกรรมในประเทศกลุ่มยูโร พบว่าตกต่ำหลุดระดับ 50 จุดมาอยู่ที่ 49.8 จุด ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี 1 เดือน หรือตั้งแต่มิถุนายน ปี 2020 นอกจากนี้ ตลาดคาดการณ์ว่าการประชุมของกลุ่มโอเปกพลัสในวันที่ 3 สิงหาคมนี้ จะยังคงมีมติเช่นเดิม ซึ่งไม่ได้เปผ้นไปตามที่รัฐบาลสหรัฐคาดหวังว่าจะมีการทบทวนเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นมาบ้าง

ราคาทองคำล่วงหน้านิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,789 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +26.10 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +0.4% ทำสถิติราคาทองคำสูงสุดในรอบเกือบ 1 เดือน หรือนับตั้งแต่วันที่ 5 กรกฎาคมที่ผ่านมา

ก่อนหน้านี้ ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2020 หรือในรอบ 18 เดือน เมื่อสิ้นสุดเดือนกรกฎาคม พบว่าราคาทองคำยังคงลดลงเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน นับตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นมา ราคาทองคำร่วงลงกว่า 300 ดอลลาร์สหรัฐ

สาเหตุจากตัวเลขจีดีพีไตรมาสที่ 2 ของสหรัฐอเมริกาหดตัว -0.6% ต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 1 ที่หดตัว -1.6% ซึ่งเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างไม่ได้คาดหวังว่าจะเกิดขึ้นในปีนี้ ส่งผลให้นักลงทุนเข้าลงทุนทองคำอย่างคึกคัก ซึ่งมองว่าเป็นทรัพย์สินที่ปลอดภัยที่สุดในเวลานี้ และภาวะถดถอยดังกล่าวอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาลดความรุนแรงในการปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นในการประชุมครั้งต่อไปในช่วงต้นสัปดาห์ที่ 4 ของเดือนกันยายน รวมถึงตัวเลขการใช้จ่ายของผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกาที่เพิ่มขึ้นในอัตราที่น้อยที่สุดในรอบ 2 ปี

นอกจากนี้ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ และผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริการะยะสั้นในคืนผ่านมา ปรับลดลงต่อเนื่องหลังธนาคารกลางสหรัฐอเมริกามีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นสูงถึง 0.75%