ทีดีอาร์ไอชี้รัฐจ่ายได้เบี้ยยังชีพคนสูงอายุหัวละ 1,000 บาท แต่อนาคตต้องเก็บภาษีเพิ่ม

229
0
Share:
ทีดีอาร์ไอ ชี้รัฐจ่ายได้ เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ หัวละ 1,000 บาท แต่อนาคตต้องเก็บภาษีเพิ่ม

นายนณริฏ พิศลยบุตร นักวิชาการสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า การจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุยังโอเค ยังรับได้ สาเหตุจากการจ่ายคนละไม่เกิน 1,000 บาท จะใช้งบประมาณราว 1-2 แสนล้านต่อปี ซึ่งในปัจจุบันยังพอไหว แต่ในอนาคต อีก 10 ปีข้างหน้า ถ้าต้องใช้งบประมาณจ่ายสูงถึง 700,000 ล้านบาทต่อปี รัฐบาลไหวไหม

นั่นหมายถึง ในอนาคตรัฐบาลจะต้องหาเงินมาเติมงบประมาณปีละ 700,000 ล้านบาทให้ได้ ถ้าทำให้ทุกฝ่าย ก็พอใจ แต่ถ้าทำไม่ได้ ก็เสี่ยงที่ประเทศจะเกิดวิกฤต ถ้าใครเลือกไปทางถ้วนหน้า ก็ต้องไปเก็บภาษีมากขึ้น ซึ่งต้องทำความเข้าใจกับประชาชนให้ได้ว่าต้องหาเงินมากขึ้น

ถ้าเลือกใช้ระบบถ้วนหน้า แปลว่ารัฐบาลนั้นต้องวางแผนการจัดเก็บภาษี ซึ่งเรื่องภาษีนั้นใช้เวลา ออกกฎหมายต่างๆ หรือถ้าออกเกณฑ์แบบจ่ายเบี้ยถ้วนหน้า แต่ดันไม่เก็บภาษีเพิ่ม ก็จะเสี่ยงเกิดปัญหาทางการเงิน คล้ายๆกับประเทศในลาตินอเมริกา เพราะจัดเก็บรายได้ไม่เพียงพอ

เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุสามารถทำได้ 2 แบบ คือ แบบถ้วนหน้า และแบบการเลือกเฉพาะกลุ่มที่อยากช่วยเหลือ ซึ่งทั้ง 2 รูปแบบมีข้อดีข้อเสียต่างกัน สำหรับรูปแบบถ้วนหน้า ข้อดีคือ รัฐบาลหรือคนทำนโยบายไม่ต้องกังวลใจ เพราะทุกคนได้สิทธิทันที แต่ปัญหาที่ตามมาคือใช้งบประมาณสูง ส่วนแบบเลือกกลุ่มนั้น คือ คนที่รัฐบาลจะช่วยนั้นน้อยลง ไม่ใช่ทุกคน เพราะฉะนั้นงบประมาณก็จะลดลงแน่นอน

ข้อด้อยสำคัญ คือ การคัดกรองกลุ่มคน อาทิ ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยแต่กลับไม่ได้รับสิทธิ อาจจะเพราะไปลงทะเบียนไม่ไหว ไม่มีหลักฐานเพียงพอ หรือกรณีที่ถูกคัดออกจากความผิดพลาด อีกด้านคือ ผู้สูงอายุที่มีฐานะแต่หลุดเข้ามาได้รับสิทธิ ซึ่งกรณีแบบนี้ก็เกิดให้เห็น ในโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่เจอปัญหาแบบนี้มาแล้ว

นายนณริฏ พิศลยบุตร นักวิชาการทีดีอาร์ไอ กล่าวว่า ทีดีอาร์ไอร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เปิดเผยผลวิจัยว่า ถึงแม้ต้องจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุแบบถ้วนหน้า 1,000 บาทต่อคน เศรษฐกิจไทยก็ยังรับได้ เพราะใน 1 ปี ใช้เงินประมาณ 120,000 ล้านบาท ดังนั้นมาตรการปัจจุบัน ยังมองว่า ไม่มีปัญหาในทางวิชาการ เพราะการคลังประเทศยังรองรับได้

แต่สำหรับอนาคต ความเสี่ยงมีมากขึ้น เนื่องจากจำนวนผู้สูงอายุมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบันมีราว 12 ล้านคน แต่ในอนาคตอีก 10 ปีข้างหน้า จะเพิ่มเป็นราว 20 ล้านคน ทำให้เงินที่ใช้ต้องเพิ่มขึ้นแน่นอน งบจึงเพิ่มจาก 120,000 ล้านบาท เป็น 200,000 ล้านบาทต่อปี

ถัดมาเรื่องนโยบายพรรคการเมือง ที่เมื่อมีการเลือกตั้งรอบใหม่ ก็มักจะมีนโยบายให้สวัสดิการเพิ่ม โดยในการเลือกตั้งรอบนี้ จะเห็นว่าหลายพรรค ให้เบี้ยคนชรา เพิ่มเป็น 3,000 บาทต่อคน ดังนั้น จากที่มีผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นเป็น 20 ล้านคน ใช้เงินงบเพิ่มมา 3 เท่าแล้ว และหากบวกเพิ่มปัจจัยการเมืองอีก งบที่ต้องใช้คือ 700,000 ล้านบาทต่อปี